The Steel Riders: ซีซั่น 1 ตอนที่ 4: บทพิสูจน์จากความเจ็บปวด - ความอดทนและการยอมจำนน
เสียงเครื่องยนต์บิ๊กไบค์ของกลุ่ม Iron Horse Adrenaline (IHA) ดังกึกก้องไปทั่วเส้นทางขึ้นเขาที่ยาวไกล ทริปวันนี้คือการพักค้างคืนที่รีสอร์ตหรูกลางป่าที่ ภูริ เป็นเจ้าของ ซึ่งมีกิจกรรม Extreme อย่างการปีนหน้าผาจำลองและโรยตัวจากน้ำตก เพื่อทดสอบขีดจำกัดของร่างกาย
ผู้กองเอ็ม นายแพทย์ทหารผู้ใจดี สวมชุดไบเกอร์เรียบร้อย เขากำลังขับขี่ Kawasaki Versys 650 คู่ใจตามหลังกลุ่มอย่างระมัดระวัง ผู้กองเอ็มเป็นที่พึ่งของกลุ่ม IHA ยามมีใครบาดเจ็บเล็กน้อย เขาจะรีบเข้าดูแลทันที ซึ่งวันนี้เขาก็ดูเหนื่อยล้าเป็นพิเศษจากการที่ต้องคอยดูแลสมาชิกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการปีนหน้าผา
ภาคย์ นักวอลเลย์บอลชายหาดผู้สดใส รูปร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อสวยงาม เขากำลังเดินกะเผลกเล็กน้อยด้วยอาการข้อเท้าแพลงจากการโรยตัวผิดท่า ผู้กองเอ็ม กำลังพาภาคย์ไปยังห้องพยาบาลของรีสอร์ตที่จัดเตรียมไว้ให้ เพื่อปฐมพยาบาลอาการบาดเจ็บ
โค้ชดิน สารวัตรแทน และ ปีย์ ซึ่งเป็นสมาชิก SR ที่เหลือ ต่างมองตามผู้กองเอ็มและภาคย์ไปอย่างเงียบๆ พวกเขาต่างรู้ดีว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะหา "สัญญาณ" ที่ชัดเจนจากสองคนนี้ เพื่อเชื้อเชิญเข้ากลุ่ม SR
"ผู้กองเอ็มดูเหนื่อยจริงๆ นะโค้ช" สารวัตรแทนพูดขึ้น "แต่ไอ้ภาคย์นี่ก็ยังหน้าแดงอยู่เลย"
"นั่นแหละสารวัตร... สองคนนั้นน่ะ...ผมว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ" โค้ชดินตอบ สายตาของเขามองตามผู้กองเอ็มและภาคย์ไปจนลับตา
ภายในห้องพยาบาลของรีสอร์ตที่เงียบสงบ ผู้กองเอ็ม กำลังบรรจงทำแผลข้อเท้าของ ภาคย์ อย่างเบามือ มือเรียวยาวของเขาค่อยๆ พันผ้าพันแผลรอบข้อเท้าที่บวมแดงของภาคย์ แสงไฟสลัวๆ ในห้องส่องให้เห็นหยาดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าคมคายของผู้กองเอ็มที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย
"ไหวไหมภาคย์... เจ็บมากหรือเปล่า" ผู้กองเอ็มถามเสียงอ่อนโยน
ภาคย์กัดริมฝีปากแน่น ดวงตาของเขาจ้องมองผู้กองเอ็มด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันระหว่างความเจ็บปวด ความอ่อนล้า และความปรารถนาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ "เจ็บครับผู้กอง... แต่...ผมว่ามันมีอย่างอื่นที่เจ็บกว่านี้อีก..." ภาคย์ตอบเสียงพร่า พลางใช้มือแข็งแรงจับแขนของผู้กองเอ็มที่กำลังพันผ้าพันแผลอยู่แน่น
ผู้กองเอ็มชะงักไปเล็กน้อย สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของภาคย์ ความเข้าใจบางอย่างฉายวาบในแววตาของทั้งคู่ ความตึงเครียดทางกายจากความเจ็บปวดของภาคย์ และความเครียดที่ผู้กองเอ็มแบกรับจากการเป็นผู้ดูแล กำลังถูกแทนที่ด้วยแรงปรารถนาที่ซ่อนเร้น
ภาคย์ ที่ต้องการปลดปล่อยความเจ็บปวดและความปรารถนาที่อัดอั้น เขาใช้มือที่แข็งแรงจับต้นคอของผู้กองเอ็ม แล้วออกแรงดึงเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประกบเข้ากับริมฝีปากของผู้กองเอ็มอย่างรุนแรง ผู้กองเอ็มถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ สมองส่วนที่เป็น "นายแพทย์" กำลังกรีดร้องว่านี่มันผิดหลักจรรยาบรรณอย่างรุนแรง เขาควรจะผลักภาคย์ออกไป แต่ร่างกายส่วนที่เหลือกลับทรยศต่อเหตุผลทั้งหมด ความปรารถนาที่ถูกเก็บกดมาทั้งชีวิตทะลักออกมาอย่างรุนแรง เขาตอบรับจูบนั้นอย่างหิวโหยราวกับคนขาดน้ำมานาน เสียงจูบดังดูดดื่มไปทั่วห้องพยาบาล ภาคย์ใช้มืออีกข้างรวบเสื้อกาวน์ของ ผู้กองเอ็มขึ้นแล้วกระชากออกอย่างรุนแรง เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนที่กำลังขึ้นสีแดงจากการเสียดสี "ผู้กอง... ผมไม่ไหวแล้ว... ผมอยากให้ผู้กอง... ปลดปล่อยผม... ให้หมดแรงเลย..." ภาคย์คำรามเสียงพร่า
ผู้กองเอ็มไม่ได้ห้าม เขาเพียงครางตอบรับเมื่อภาคย์เร่งจังหวะจูบให้รุนแรงขึ้น มือของผู้กองเอ็มสอดเข้าไปใต้เสื้อของภาคย์ ลูบไล้ไปตามแผงอกที่แข็งแกร่งและหน้าท้องที่กระชับ การจูบและการลูบไล้ไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของภาคย์ ทำให้ความปรารถนาในตัวผู้กองเอ็มปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะที่ผู้กองเอ็มและภาคย์กำลังจูบกันอย่างเร่าร้อน โค้ชดิน และ สารวัตรแทน ซึ่งตั้งใจเดินมา "เยี่ยมอาการ" ภาคย์ ก็บังเอิญเดินผ่านมาหน้าห้องพยาบาลที่ประตูแง้มอยู่ เมื่อชะโงกหน้ามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้สมาชิก SR ทั้งสองถึงกับหยุดนิ่ง
ผู้กองเอ็ม และ ภาคย์ กำลังเปลือยกายอยู่บนเตียงพยาบาล ร่างกายที่เปื้อนเหงื่อและเลือดเล็กน้อยของภาคย์บดเบียดกับร่างกายที่ดูสะอาดสะอ้านของผู้กองเอ็ม ภาคย์ กำลังอยู่ด้านบน ออกแรงรุกไล่ผู้กองเอ็มอย่างดุดัน เสียงครางต่ำๆ ของผู้กองเอ็มเล็ดลอดออกมาเมื่อเขาถูกกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง ผู้กองเอ็มเงยหน้าขึ้น สายตาเหม่อลอย ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความสุขสมปนทรมาน "อื้อ... ภาคย์... แรงอีก... อ๊าาาาาา..." ผู้กองเอ็มร้องขอ เสียงของเขาแหบพร่า แสดงออกถึงความปรารถนาที่จะถูกครอบงำและถูกกระทำอย่างเต็มที่
โค้ชดินและสารวัตรแทนมองหน้ากัน แววตาของพวกเขาลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง นี่คือ "สัญญาณ" ที่ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใดๆ ทั้งสองคนนี้มี "ความลับ" และความปรารถนาที่ตรงกับแก่นแท้ของ The Steel Riders
ผู้กองเอ็มและภาคย์ยังคงปลดปล่อยตัวเองอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วจู่ๆ ผู้กองเอ็มก็ชะงัก ร่างกายแข็งเกร็ง ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ประตูห้อง ก่อนที่สายตาของเขาจะมาหยุดอยู่ที่โค้ชดินและสารวัตรแทนที่ยืนมองอยู่ ใบหน้าของผู้กองเอ็มซีดเผือดลงทันทีด้วยความตกใจระคนอับอาย เขารีบผละออกจากภาคย์ และดึงผ้าห่มมาคลุมตัวอย่างรวดเร็ว "โค้ช! สารวัตร! พวกคุณมาทำอะไรที่นี่!" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและหวาดระแวง ภาคย์เองก็หันมามองด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน
โค้ชดินก้าวเข้าไปในห้อง เขาไม่ได้มีท่าทีอ่อนโยนเหมือนครั้งก่อนๆ แต่กลับมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ "ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก... ทั้งสองคน... เราเข้าใจดี"
สารวัตรแทนเดินเข้ามายืนข้างๆ พลางยกมือขวาขึ้นโชว์แหวนที่นิ้วก้อย "พวกคุณ... ไม่ใช่คู่เดียวในกลุ่มหรอก... ที่มีความลับ"
ผู้กองเอ็มและภาคย์ยังคงนิ่งเงียบ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนและอับอาย แต่ก็มีประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความอยากรู้และต้องการความเข้าใจ
"พวกนายเหนื่อยใช่ไหม... ที่ต้องเก็บซ่อนความปรารถนาแบบนี้ไว้คนเดียว" โค้ชดินพูดขึ้น พลางชี้ไปที่แหวนบนนิ้วก้อยข้างขวาของตัวเอง สารวัตรแทนก็ยกมือขึ้นโชว์แหวนเช่นกัน "พวกเราก็เคยเป็นแบบนาย... แต่ตอนนี้...เรามี 'ทางลัด' ที่จะปลดปล่อยทุกอย่างได้... โดยไม่ต้องหลบซ่อน... เป็นที่ที่นายจะได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่"
ผู้กองเอ็มและภาคย์มองแหวนที่นิ้วของทั้งสองคน ก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาของโค้ชดินและสารวัตรแทน เขาเห็นความเข้าใจและความจริงใจในแววตานั้น
"คืนนี้...ลมดี...เหมาะแก่การซิ่งเส้นทางลับไหม?" โค้ชดินเอ่ยถาม วลีลับที่พวกเขาใช้สื่อสารกันในหมู่ SR
ผู้กองเอ็มและภาคย์มองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ ใบหน้าของพวกเขาตอนนี้ไม่หลงเหลือความอับอาย มีเพียงความโล่งใจและพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ "เรา...พร้อมซิ่งเสมอครับโค้ช...อยากรู้เหมือนกันว่า...มันจะโหดแค่ไหน"
ค่ำคืนนั้น หลังจากการทำกิจกรรม IHA ได้เสร็จสิ้นลง ผู้กองเอ็ม และ ภาคย์ ก็ได้รับข้อความสั้นๆ จากโค้ชดิน "เจอทางลัดแล้ว... ห้องพักรวม... บ้านโค้ชดิน... เที่ยงคืน"
ทั้งสองคนแต่งกายด้วยกางเกงวอร์มและเสื้อยืดที่แนบไปกับกล้ามเนื้อ พวกเขาเดินออกจากห้องพักของตัวเองในรีสอร์ตอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะมาถึงบ้านพักส่วนตัวของโค้ชดิน ภายในห้องพักรวมขนาดใหญ่ มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟข้างเตียง โค้ชดิน สารวัตรแทน ปีย์ และ ธาม ยืนรออยู่แล้ว ปีย์ยืนยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ขณะที่ธามยืนกอดอกพิงกำแพงในมุมที่มืดที่สุดของห้องอย่างเงียบเชียบ สายตาของเขากำลังประเมินสมาชิกใหม่ทั้งสองคนอย่างละเอียด ราวกับกำลังมองหา "ขีดจำกัด" ของพวกเขา
โค้ชดินยิ้มรับ "ยินดีต้อนรับสู่ 'ทางลัด' ของพวกเรา ผู้กองเอ็ม... ภาคย์" ก่อนจะล้วงแหวนเกลี้ยงสีเงินด้านสองวงออกมา "นี่คือแหวนของ SR... มันจะเป็นเครื่องยืนยันว่านายคือหนึ่งในพวกเรา... ตราบใดที่นายยังสวมมัน... นายจะไม่มีวันโดดเดี่ยวอีกต่อไป... มันคือสัญลักษณ์แห่งความลับ... และการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเรา" โค้ชดินพูดเสียงจริงจัง พลางสวมแหวนวงแรกที่นิ้วก้อยข้างขวาของผู้กองเอ็ม และแหวนอีกวงที่นิ้วก้อยข้างขวาของภาคย์ ผู้กองเอ็มและภาคย์มองแหวนที่นิ้วของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองทุกคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
"เรา...พร้อมซิ่งแล้วครับ...ทุกคน" ผู้กองเอ็มพูดขึ้น เสียงของเขาอาจจะเบา แต่ความตื่นเต้นที่ฉายชัดในแววตานั้นดังยิ่งกว่าเสียงตะโกนใดๆ
คำอนุญาตนั้นเปรียบเสมือนเสียงปืนปล่อยตัวนักวิ่ง...
พายุลูกแรกเริ่มต้นโดย ปีย์ "ตัวจุดชนวน" ประจำกลุ่ม ร่างที่เปี่ยมด้วยพลังของวัยหนุ่มพุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่แรก...ผู้กองเอ็ม นายแพทย์ทหารผู้สงบและดูอ่อนโยนที่สุด มือหนาของปีย์คว้าหมับเข้าที่เอวสอบแล้วกระชากร่างสูงโปร่งนั้นเข้ามาแนบชิด ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างหิวกระหาย ไม่มีการทักทาย ไม่มีการหยั่งเชิง มีเพียงสัญชาตญาณดิบล้วนๆ ผู้กองเอ็มสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ร่างกายที่เป็น "ผู้ดูแล" มาตลอดชีวิตพยายามจะต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่ลิ้นร้อนของปีย์สอดแทรกเข้ามา ความปรารถนาที่ถูกกักเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจก็ทะลักออกมา เขายอมจำนนต่อรสจูบนั้นอย่างสิ้นเชิง มือที่เคยจับแต่เครื่องมือแพทย์อย่างมั่นคง บัดนี้กลับยกขึ้นขยำกลุ่มผมของปีย์อย่างแรงเพื่อดึงให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งของห้อง ธาม "นักสำรวจขีดจำกัด" เคลื่อนตัวเข้าหา ภาคย์ อย่างเงียบเชียบ เขามองนักวอลเลย์บอลชายหาดตรงหน้าด้วยสายตาของนักล่าที่กำลังประเมินเหยื่อ ไม่ใช่การจู่โจมแบบปีย์ แต่เป็นการคุกคามที่เยือกเย็นและหนักแน่น ธามใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของภาคย์ขึ้น ก่อนจะประทับจูบลงไปอย่างช้าๆ มันเป็นจูบที่เนิบนาบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่บีบเค้นลมหายใจ ภาคย์ผู้คุ้นเคยกับการแข่งขันและการปะทะทางกายภาพ ตอบสนองด้วยการจูบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ กลายเป็นการต่อสู้ช่วงชิงจังหวะกันผ่านริมฝีปากและลิ้นที่ร้อนระอุ
เสื้อผ้ากลายเป็นสิ่งกีดขวางที่น่ารำคาญ มันถูกฉีกกระชากออกอย่างไม่ใยดีจนไปกองรวมกันอยู่บนพื้น ร่างกายเปลือยเปล่าของชายหนุ่มทั้งสี่ปรากฏขึ้นภายใต้แสงไฟสลัว กล้ามเนื้อทุกมัดที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีเกร็งตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ เงาที่ทอดทาบไปตามผนังห้องเต้นระริกราวกับเปลวเพลิง
ปีย์กดร่างขาวเนียนของผู้กองเอ็มลงกับโซฟาหนังตัวใหญ่ที่เย็นเฉียบ ความเย็นของโซฟาตัดกับความร้อนของร่างกายทำให้ผู้กองเอ็มสะท้านไปทั้งตัว ปีย์ไม่ได้รีบร้อนไปสู่จุดหมายสุดท้าย แต่เขากำลังสำรวจทุกตารางนิ้วของร่างกายที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ลิ้นร้อนไล่เลียตั้งแต่ยอดอกที่แข็งเป็นไตไปจนถึงลอนกล้ามท้องที่กระชับสวยงาม "ร้องสิครับผู้กอง... ผมอยากได้ยินเสียงคุณ... เสียงที่แท้จริงของคุณ" ปีย์กระซิบเสียงพร่า ผู้กองเอ็มได้แต่กัดริมฝีปาก ครางเสียงหลงในลำคออย่างทรมานปนสุขสม
ขณะเดียวกัน การต่อสู้ของธามกับภาคย์ก็ดุเดือดขึ้น ภาคย์ใช้ความยืดหยุ่นของร่างกายพลิกขึ้นมาคร่อมธามได้สำเร็จ แต่เพียงไม่นาน ธามก็ใช้ความแข็งแกร่งของแกนกลางลำตัวที่ได้มาจากการฝึกฟรีรันนิ่งรวบขาของภาคย์แล้วพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อความสุขสมเพียงอย่างเดียว แต่กำลังทดสอบพละกำลังและขีดจำกัดของกันและกัน
ณ อีกฟากของห้อง โค้ชดิน และ สารวัตรแทน ยืนกอดอกพิงกำแพงมองภาพทั้งหมดด้วยสายตาของผู้สร้างที่กำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอก ‘นี่แหละ...’ โค้ชดินคิดในใจ ‘คือสิ่งที่ฉันต้องการสร้างขึ้นมา พลังงานที่แตกต่าง... ความปรารถนาที่หลากหลาย... ทั้งหมดมารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้’ สารวัตรแทนหันมาหาเขา ดวงตาคมกริบนั้นลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกเร่งเร้าจากการเป็นผู้ชม "ถึงตาเราแล้วมั้ง... โค้ช" เขากระซิบ ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของโค้ชดินอย่างหนักหน่วง เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอำนาจของผู้ร่วมก่อตั้ง
เมื่อเห็นว่าเหล็กกำลังร้อนได้ที่ โค้ชดินก็ผละจูบออกจากสารวัตรแทนแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณ "เริ่มจากภาคย์ก่อน"
สารวัตรแทนยิ้มรับ เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังคู่ของธามกับภาคย์ ธามเหลือบมองอย่างเข้าใจแล้วจึงยอมปล่อยภาคย์แต่โดยดี สารวัตรแทนดึงร่างที่ชุ่มเหงื่อของภาคย์ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเหวี่ยงไปพิงกับกำแพงอย่างแรงจนภาคย์ร้องออกมาด้วยความจุก "ชอบความรุนแรงไม่ใช่เหรอ... นักกีฬา" สารวัตรแทนคำรามเสียงต่ำข้างหู ก่อนจะจับสะโพกของภาคย์แล้วเริ่มกระแทกกระทั้นเข้าจากด้านหลังอย่างดุดันและไม่ปรานี มันคือการรุกที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจดิบๆ ปราศจากความอ่อนโยนใดๆ ทำให้ภาคย์ที่แข็งแกร่งถึงกับขาอ่อนและต้องใช้มือยันกำแพงไว้เพื่อทรงตัว
เมื่อภาคย์มีคนดูแลแล้ว ธามก็หันไปหาปีย์ที่กำลังเพลิดเพลินกับร่างกายของผู้กองเอ็ม เขาเข้าไปกอดรัดปีย์จากด้านหลังแล้วเริ่มซุกไซ้แผ่นหลังที่ตึงแน่นของปีย์อย่างมันเขี้ยว "แบ่งกันบ้างสิ... ของดีๆ น่ะ" ปีย์หันมายิ้มยั่ว ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มบทรักที่เต็มไปด้วยพลังของวัยหนุ่มที่ไม่มีใครยอมใคร
และแล้ว...ก็ถึงเวลาของไคลแม็กซ์ที่แท้จริง โค้ชดิน เดินเข้าไปหา ผู้กองเอ็ม ที่นอนหอบหายใจอยู่บนโซฟาอย่างสง่างาม เขาวางมือลงบนไหล่ของปีย์ (ซึ่งตอนนี้ผละออกไปแล้ว) แล้วพูดเสียงเรียบ "พอแล้วสำหรับนาย... ที่เหลือเป็นของฉัน" โค้ชดินไม่ได้รีบร้อนสัมผัสร่างกายของผู้กองเอ็ม เขานั่งลงข้างๆ แล้วใช้เพียงสายตาและคำพูดในการ "ควบคุม" "มองหน้าฉัน...เมธี" การเรียกชื่อจริงทำให้ผู้กองเอ็มสะดุ้งเฮือก เขาลืมตาขึ้นมองอย่างว่าง่าย "คุณเหนื่อยมามากพอแล้วกับการเป็น 'ผู้ให้'... เป็น 'ผู้ดูแล'..." โค้ชดินกระซิบเสียงนุ่มแต่ทรงพลัง "คืนนี้... คุณไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องดูแลใคร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร... คุณมีหน้าที่แค่ 'รับ' ทุกอย่างที่ผมจะมอบให้... ยอมจำนนต่อผม... เป็นของผมแค่คนเดียว... ทำได้ไหม" น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากหางตาของผู้กองเอ็ม มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจที่ในที่สุดก็มีคนเข้าใจความปรารถนาที่ลึกที่สุดของเขา "ครับ... ผม... ผมทำได้" "ดีมาก..." โค้ชดินยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพลิกร่างของผู้กองเอ็มให้นอนคว่ำหน้าลง แล้วเริ่มมอบบทเรียนแห่งการยอมจำนนที่ลึกซึ้งและหนักหน่วงที่สุดเท่าที่ผู้กองเอ็มเคยจินตนาการถึง
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยเสียงเนื้อกระทบกันและเสียงครวญครางที่ดังประสานกันเป็นบทเพลงแห่งตัณหา แต่เสียงที่ดังและโหยหวนที่สุดคือเสียงของผู้กองเอ็มที่ถูกโค้ชดินครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขายอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของโค้ชดินโดยสิ้นเชิง ภาพของผู้ก่อตั้งกลุ่มที่กำลังควบคุมนายแพทย์ทหารผู้เคร่งขรึมจนหมดสภาพ กลายเป็นภาพที่ทรงพลังและกระตุ้นอารมณ์ของอีกสี่ชีวิตที่เหลือให้เดือดพล่านถึงขีดสุด มันคือภาพสะท้อนอุดมการณ์ของ SR ที่เป็นรูปธรรมที่สุด
"โค้ช... โค้ชดิน... อ๊า... ไม่ไหว... ผมไม่ไหวแล้ว... ได้โปรด..." ผู้กองเอ็มร้องขออย่างไม่เป็นศัพท์ "ร้องออกมา! ร้องชื่อฉันให้ลั่นห้อง!" โค้ชดินคำรามก้อง ก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายอย่างรุนแรงราวกับจะฉีกร่างนั้นให้เป็นชิ้นๆ "โค้ชดิน!!! อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!"
เสียงกรีดร้องนั้นเป็นเหมือนสัญญาณจุดระเบิดนิวเคลียร์!
สารวัตรแทนที่กำลังขยี้ร่างของภาคย์อยู่กับกำแพง คำรามลั่นออกมาเป็นคนแรก เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดเข้าไปในร่างของภาคย์อย่างบ้าคลั่งจนภาคย์เข่าทรุดลงไปกองกับพื้นและปลดปล่อยตามออกมาในวินาทีเดียวกัน ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ทางด้านของปีย์กับธามที่กอดรัดกันแน่น เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็เหมือนถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว ทั้งสองคำรามลั่นราวกับสัตว์ป่าและปลดปล่อยออกมาพร้อมกันอย่างรุนแรง น้ำรักของทั้งคู่สาดกระเซ็นผสมปนเปกันบนหน้าท้องและแผงอกที่ชุ่มเหงื่อ
และสุดท้าย ที่ศูนย์กลางของพายุลูกนี้ โค้ชดินก็คำรามเสียงต่ำในลำคอเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากได้เห็นผลงานชิ้นเอกของตน เขาปลดปล่อยทุกหยาดหยดแห่งความเป็นชายเข้าไปในร่างของผู้กองเอ็มที่กระตุกเกร็งอย่างรุนแรงจนหมดสติไปชั่วขณะ
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องในทันที... เหลือเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังระงมของชายหนุ่มทั้งหกคน ร่างกายที่เปลือยเปล่าและชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อของพวกเขากองระเนระนาดอยู่บนพื้นและโซฟาในสภาพหมดแรงอย่างสิ้นเชิง กลิ่นคาวของน้ำรักและกลิ่นเหงื่อไคลอบอวลไปทั่วห้อง เป็นภาพของการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ผ่านไปเนิ่นนาน โค้ชดินเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ "...นี่แหละ...คือพลังที่แท้จริงของ The Steel Riders"
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ มีเพียงรอยยิ้มแห่งความเข้าใจและความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา... ครอบครัว SR ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ณ วินาทีนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น