ใต้เครื่องแบบ...ใต้เบาะ Season 3 ตอนที่ 2: โปรเจกต์สารคดี

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดส่องกระทบเศษขวดเบียร์และจานกระดาษที่ยังคงวางเกลื่อนอยู่บริเวณลานหน้าอู่ เป็นเครื่องยืนยันถึงปาร์ตี้ที่ดุเดือดเมื่อคืน แต่ในขณะที่บางคนยังคงนอนขดตัวอยู่ในห้องพักชั้นบน เสียงกุ๊งกิ๊งของเครื่องมือเหล็กก็ดังขึ้นเป็นจังหวะมาจากในอู่แล้ว

คาซึยะในชุดทำงานที่เป็นเสื้อยืดสีเทาเก่าๆ กับกางเกงคาร์โก้ กำลังเริ่มจัดระเบียบพื้นที่ทำงานของตัวเองอย่างขะมักเขม้น เขาแยกเครื่องมือของเขาออกจากของกันต์อย่างเป็นระบบ และเริ่มตรวจเช็คชิ้นส่วนรถแข่งที่ถูกส่งตามมาด้วยสีหน้าที่จริงจังและขมวดคิ้วตลอดเวลา ไม่สนใจสภาพความรกที่อยู่รอบตัวแม้แต่น้อย

บนห้องพักชั้นบน อากิระที่อยู่ในสภาพสบายๆ กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่กับไทและกันต์ บนโต๊ะตรงหน้ามีแท็บเล็ตที่เปิดหน้าตารางการซ้อมและแผนงานของอากิระค้างไว้

"ตารางซ้อมโหดเอาเรื่องเลยนะ" กันต์พูดขึ้นหลังจากไล่ดูข้อมูล "แทบไม่มีวันหยุดเลย"

"มืออาชีพก็แบบนี้แหละ" อากิระตอบยิ้มๆ "เวลาในสนามแข่งมันมีค่าเป็นวินาที เวลาในชีวิตจริงก็เหมือนกัน"

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยเรื่องงานกันอยู่นั้น เนย์ที่เพิ่งตื่นก็เดินเข้ามาร่วมวง ในมือของเขาถือแท็บเล็ตอีกเครื่องหนึ่ง แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่อากิระด้วยแววตาที่แตกต่างออกไป... มันไม่ใช่สายตาของเพื่อน แต่เป็นสายตาของโปรดิวเซอร์ที่เจอเรื่องราวที่เขาต้องการแล้ว

"อากิระ... ผมขอคุยเรื่องโปรเจกต์ที่เคยเกริ่นไว้เมื่อคืนหน่อยได้ไหม" เนย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากโหมดปาร์ตี้มาเป็นโหมดทำงานเต็มตัว

เขาไม่รอให้อากิระตอบ แต่เริ่มนำเสนอ "วิสัยทัศน์" ของเขาทันที

"ผมคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน... มันไม่ใช่แค่สารคดีนักแข่งรถที่คุณเคยถ่ายมาเป็นร้อยๆ ครั้ง" เนย์พูดพลางเปิดภาพ Mood Board ที่เขาเตรียมไว้ในแท็บเล็ตให้ดู "ผมไม่ได้สนใจแค่ชัยชนะหรือความเร็ว แต่ผมสนใจ 'แรงกดดัน' ที่อยู่บนบ่าของคุณ, สนใจ 'ความเงียบ' ในใจของคุณตอนที่สวมหมวกกันน็อก, สนใจ 'ปรัชญา' ที่ซ่อนอยู่หลังการเข้าโค้งแต่ละครั้ง... สำหรับผม คุณไม่ใช่แค่นักกีฬา แต่คุณคือ 'ศิลปิน' คนหนึ่งที่ใช้ความเร็วเป็นพู่กัน และใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเดิมพันเพื่อสร้างงานศิลปะบนสนามแข่ง... ผมอยากเล่าเรื่องนั้น"

อากิระที่ตอนแรกนั่งฟังด้วยท่าทีสบายๆ ค่อยๆ นั่งตัวตรงขึ้น เขามองลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยแพชชั่นของเนย์ เขารู้สึกทึ่ง... ไม่เคยมีใครมองเขาในมุมนี้มาก่อน

"เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ" อากิระพูดช้าๆ "แล้วคุณคิดว่าจะเริ่ม 'ถ่ายทำ' งานศิลปะชิ้นนี้ได้เมื่อไหร่ล่ะ... คุณผู้กำกับ?"

"ทันทีที่คุณพร้อม... 'นักแสดงนำ' ของผม" เนย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่รู้กัน

ข้อตกลงได้เกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ โปรเจกต์สารคดีที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาทั้งสองคนได้เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันนั้นเอง


ที่ชั้นล่างของอู่ คาซึยะกำลังประสบปัญหากับน็อตตัวหนึ่งที่ดูเหมือนจะถูกขันไว้แน่นเกินไป เขาพยายามใช้ประแจบล็อกแต่ก็ยังเอาไม่ออก จนเริ่มสบถออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างหัวเสีย

กันต์ที่เดินลงมาพอดีได้ยินเข้า จึงเดินเข้าไปดู "น็อตตัวนี้มันเป็นแบบเกลียวซ้ายนะ ต้องหมุนตามเข็มนาฬิกาถึงจะออก" เขาพูดเรียบๆ

คาซึยะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะลองทำตามที่กันต์บอก... และน็อตตัวนั้นก็คลายออกอย่างง่ายดาย

"หึ... ก็ใช้ได้" คาซึยะพึมพำเสียงเบา เป็นคำชมในระดับสูงสุดที่เขาจะให้ใครได้

ในจังหวะที่เขาออกแรงขันน็อตตัวต่อไป แผลที่ข้อนิ้วซึ่งเกิดจากเมื่อวานก็ปริออกอีกครั้งจนเลือดซึม เขาทำเป็นไม่สนใจและพยายามจะทำงานต่อ แต่แล้วเงาของใครคนหนึ่งก็เข้ามาทาบทับเขาไว้

"ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าเรื่องแผลไม่มีคำว่าเล็ก"

คิมยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือ เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้

"ผมไม่เป็นไรน่า!" คาซึยะพูดอย่างรำคาญ พยายามจะดึงมือหนี

แต่คิมกลับจับมือข้างนั้นของเขาไว้แน่นกว่าเดิมด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลแต่มั่นคง "แผลเมื่อวาน ถ้าโดนน้ำมันเครื่องกับฝุ่นเข้าไปมันจะติดเชื้อหนักนะ... มานี่ครับ"

คิมดึงคาซึยะมานั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วเริ่มลงมือทำแผลให้อย่างประณีตและใจเย็น เขาใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดคราบสกปรกออกอย่างเบามือที่สุด คาซึยะที่ตอนแรกยังทำท่าพยศอยู่ ค่อยๆ นิ่งลง เขามองปลายนิ้วที่สะอาดและเรียวยาวของคิมที่กำลังบรรจงพันผ้าก๊อซรอบนิ้วของเขา... ความอ่อนโยนและการดูแลเอาใจใส่ที่เงียบงันแต่ชัดเจนนี้ ทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างของเขารู้สึกปั่นป่วนอย่างประหลาด


เย็นวันเดียวกันนั้น...

ภาพตัดมาที่ร้านกาแฟดีไซน์เก๋แห่งหนึ่งใจกลางเมือง เนย์กับอากิระกำลังนั่งคุยกันอยู่เหนือสตอรี่บอร์ดที่ร่างขึ้นอย่างคร่าวๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และเสียงหัวเราะ พวกเขาดูเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับจิ๊กซอว์สองชิ้นที่เกิดมาเพื่อกันและกัน


ภาพตัดกลับมาที่อู่ของกันต์ในเวลาเดียวกัน...

คาซึยะทำงานเสร็จแล้ว เขากำลังยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ ท่ามกลางเครื่องมือที่ตอนนี้ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบตามสไตล์ของเขา เขายกมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นมามองดูพลาสเตอร์ยาที่แปะอยู่อย่างดีบนนิ้วของตัวเอง เขาลองใช้นิ้วอีกข้างลูบมันเบาๆ ด้วยสีหน้าที่สับสนและอ่านไม่ออก

บนห้องพักชั้นบน คิมกำลังยืนคุยอยู่กับไทและกันต์ แต่สายตาของเขากลับทอดมองลงมายังร่างของช่างเครื่องหนุ่มที่ยืนอยู่ตามลำพังเบื้องล่าง... พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

โปรเจกต์แห่งความสัมพันธ์ของทั้งสองคู่... ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการในเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง