ใต้เครื่องแบบ...ใต้เบาะ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10 : หนึ่งคำอำลา สองคำอวยพร

 หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายในเมืองไทยของปุณณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว...

และแล้วค่ำคืนอำลาก็มาถึง...

ยิมของต้าถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอำลาอย่างเต็มรูปแบบ แสงไฟสลัวถูกเปิดขึ้นแทนแสงไฟนีออนที่สว่างจ้า, เพลงสากลจังหวะปานกลางถูกเปิดคลอเบาๆ, และโต๊ะยาวตัวหนึ่งเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทุกคนหอบหิ้วกันมา

บรรยากาศในคืนนี้แตกต่างออกไป มันมีความสนุกสนานแต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกใจหายจางๆ ทุกคนรู้ดีว่านี่คือค่ำคืนสุดท้ายที่ "ครอบครัวใต้เบาะ" จะได้อยู่กันพร้อมหน้าครบ 8 คนแบบนี้... อย่างน้อยก็ในอีกนานแสนนาน

ปุณณ์และเคนชินคือศูนย์กลางของงานโดยปริยาย สมาชิกแต่ละคนผลัดกันเข้าไปพูดคุยและร่ำลากับพวกเขาสองคนเป็นการส่วนตัว

ต้ากับบอสเดินกอดคอกันเข้ามาหาเป็นคู่แรก "ไปถึงนู่นแล้ว อย่าให้ตำรวจญี่ปุ่นมันดูถูกฝีมือของพวกเรานะเว้ย โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง" ต้าพูดพลางยักคิ้วอย่างกวนๆ

"มึงน่ะสิ อย่าทำเสียชื่อ 'ผัว' ที่ดีล่ะ" บอสเสริมพลางตบไหล่ปุณณ์ "ถ้าเคนชินมันดูแลมึงไม่ดี โทรมาฟ้องได้เลยนะ เดี๋ยวพวกกูจะยกพวกไปถล่มถึงโตเกียว"

กันต์เดินเข้ามาคุยกับปุณณ์อย่างจริงจังกว่าคนอื่น "มีอะไรก็โทรมานะมึง เรื่องเอกสารส่งของหรือถ้าอยากได้อะไหล่รถอะไร บอกกูได้เลย กูจัดการให้ได้" มันคือคำพูดที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยในฐานะเพื่อนสนิท

คิมมอบขวดยาวิตามินรวมให้ปุณณ์ "สำหรับปรับสภาพร่างกาย อย่าหักโหมมากนักล่ะ" ในขณะที่เนย์ก็ยื่นอัลบั้มรูปขนาดเล็กให้ "กูรวบรวมรูปที่เคยถ่ายพวกเราเก็บไว้... เปิดดูจะได้ไม่ลืมกัน"

และสุดท้ายคือไท... เขาเดินเข้ามาหาปุณณ์ที่ยืนอยู่กับเคนชิน วางมือลงบนไหล่ของอดีตลูกน้องคนสนิทอย่างหนักแน่น

"กูภูมิใจในตัวมึงนะ...ไอ้ปุณณ์" ไทพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและอบอุ่น "จากเด็กใหม่ที่ประหม่าในวันนั้น จนมาถึงวันนี้ มึงโตขึ้นเยอะจริงๆ ไปอยู่ที่โน่นก็ตั้งใจทำงาน เรียนรู้ให้เยอะๆ แล้วอย่าทำให้คนที่เขายอมทิ้งอนาคตบางอย่างเพื่อมึงต้องผิดหวังล่ะ" สายตาของไทเหลือบไปมองเคนชินเล็กน้อย เป็นการฝากฝังที่ทุกคนเข้าใจความหมาย

ปุณณ์น้ำตาคลอเบ้า เขายกมือขึ้นไหว้พี่ๆ ทุกคน "ขอบคุณพวกพี่ทุกคนมากครับ... ถ้าไม่มีพวกพี่ ผมก็คงไม่มีวันนี้"

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองมอเตอร์ไซค์ Kawasaki Z650 สีเขียวดำของเขาที่ถูกจอดไว้ในตำแหน่งที่เป็นเหมือนพระเอกของงานในวันนี้

"แล้วผม... ไม่ได้ไปตัวเปล่านะครับ" ปุณณ์พูดขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมอง "ผมจะเอามันไปด้วย"

"จะบ้าเหรอวะ ค่าส่งแม่งแพงชิบหาย" บอสโพล่งขึ้นมา

ปุณณ์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา "มันคุ้มค่าครับ... เพราะรถคันนี้... พวกพี่ทุกคนช่วยผมเลือก ช่วยผมดู ช่วยผมเจิมในวันแรก... การเอามันไปด้วย ก็เหมือนมีพวกพี่ทุกคนอยู่ที่นั่นกับผม"

คำพูดนั้นทำให้ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ ความรู้สึกซาบซึ้งและผูกพันมันจุกอยู่ที่อก ก่อนที่ต้าจะตะโกนขึ้นมาทำลายความเงียบ

"เออ! ดี! เอาไปให้ตำรวจญี่ปุ่นมันดูซะ ว่ารถของแก๊งใต้เบาะแม่งเท่ขนาดไหน!"

เสียงโห่ร้องและเสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง บรรยากาศแห่งการจากลาถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นครอบครัวเดียวกัน

ไทเดินไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแจกจ่ายให้ทุกคนจนครบ ก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นสูง

"แด่ปุณณ์..." เขาพูดเสียงดังฟังชัด

"แด่เคนชิน..." กันต์พูดต่อ

"แด่ Z650!" บอสตะโกนเสริม

"และแด่คืนสุดท้ายของเรา!" ต้าปิดท้าย

"ชน!"

ทุกคนยกแก้วขึ้นชนกันเสียงดัง ก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์ในแก้วลงคอจนหมดในอึกเดียว

คำพูดเหล่านั้นเป็นเหมือนสัญญาณ... ปาร์ตี้ได้จบลงแล้ว... และพิธีกรรมครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

หลังจากแก้วสุดท้ายถูกยกขึ้นชนกัน เสียงโห่ร้องก็เงียบลง...

บรรยากาศในยิมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความสนุกสนานและเสียงหัวเราะเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความเงียบงันที่หนักอึ้งและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทุกสายตาจับจ้องไปที่ศูนย์กลางของงานในคืนนี้... ปุณณ์, เคนชิน, และรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki Z650 ที่จอดนิ่งสงบอยู่กลางฟลอร์ มันไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนแท่นบูชาสำหรับพิธีกรรมครั้งสุดท้าย

ไทในฐานะผู้นำ พยักหน้าให้ปุณณ์ช้าๆ

ปุณณ์กลืนน้ำลายลงคอ เขาก้าวเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองอย่างเชื่องช้า นิ้วมือลูบไล้ไปตามตัวถังที่เย็นเฉียบและมันวาว ตั้งแต่แฮนด์จับ, ถังน้ำมัน, ไปจนถึงเบาะหนังที่เขาคุ้นเคย เคนชินเดินตามมาอย่างเงียบๆ แล้วหยุดยืนอยู่ข้างหลังปุณณ์ วางมือลงบนบ่าของเขาเบาๆ เป็นการให้กำลังใจที่ไร้เสียง

ภาพของชายหนุ่มสองคนและมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันที่กำลังจะเดินทางไกล กลายเป็นภาพที่สะกดทุกคนในที่นั้น

สมาชิกที่เหลือทั้ง 5 คนมองหน้ากัน ก่อนจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างช้าๆ มันไม่ใช่การถอดด้วยความใคร่ที่ร้อนรนเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นการกระทำที่ดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเคลื่อนตัวเข้ามาสร้างวงล้อมรอบศูนย์กลางทั้งสาม... และพิธีอำลาก็ได้เริ่มต้นขึ้น

มันคือการอำลาด้วยสัมผัส...

กันต์เดินเข้ามาเป็นคนแรก เขาไม่ได้ตรงไปที่ปุณณ์ แต่กลับไปที่ตัวรถ เขาใช้นิ้วไล้ไปตามเครื่องยนต์อย่างแผ่วเบา เหมือนช่างเครื่องที่กำลังตรวจสอบผลงานชิ้นเอกเป็นครั้งสุดท้าย "ดูแลมันดีๆ นะมึง... อย่าให้มีรอยขีดข่วนล่ะ" เขาพูดเบาๆ ก่อนจะหันมาจูบที่หน้าผากของปุณณ์อย่างอ่อนโยน เป็นการฝากฝังทั้งคนและรถไว้ในคราวเดียว

ต้ากับบอสเดินเข้ามาพร้อมกันในฐานะ "คู่รักรุ่นพี่" พวกเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ต้าได้ประคองใบหน้าของปุณณ์ไว้แล้วมอบจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของพี่ชาย ในขณะที่บอสก็ทำเช่นเดียวกันกับเคนชิน เป็นการยอมรับและอวยพรจากคู่หนึ่งไปสู่อีกคู่หนึ่งอย่างเงียบๆ

คิมเข้ามาลูบไล้แขนของปุณณ์เบาๆ เหมือนกำลังตรวจชีพจร "ร่างกายพร้อม... หัวใจก็ต้องพร้อมด้วยนะ" ส่วนเนย์ก็เดินวนรอบๆ มองภาพทั้งหมดด้วยสายตาของศิลปิน "นี่คือองค์ประกอบที่สวยงามที่สุด... ความรัก, การเดินทาง, และความผูกพัน"

และสุดท้ายคือไท...

เขาเดินมายืนอยู่ตรงหน้าปุณณ์ สบตาลึกเข้าไปในดวงตาที่เริ่มมีน้ำตาคลอของอดีตลูกน้อง "กูปล่อยมึงไปแล้วนะ... ไปทำหน้าที่ของมึงให้ดีที่สุด" เขาพูดก่อนจะดึงปุณณ์เข้าไปกอดแน่น แล้วมอบจูบที่หนักแน่นและอบอุ่นที่สุดลงบนริมฝีปาก เป็นจูบสุดท้ายจาก "พี่ใหญ่" ของบ้าน

จากนั้นไทก็หันไปเผชิญหน้ากับเคนชิน เขายื่นมือออกไปจับกับอีกฝ่ายอย่างมั่นคง "ฝากน้องกูด้วย"

เคนชินบีบมือตอบกลับแน่น "ไม่ต้องห่วง"

วินาทีนั้นเองที่พิธีกรรมได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุด เคนชินจับปุณณ์ให้นั่งคร่อมลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์ Z650 คันงาม ก่อนที่เขาจะเข้าประกบจากด้านหลัง ร่างกายของทั้งสองแนบชิดเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ

สมาชิกที่เหลือทั้ง 5 คน เคลื่อนตัวเข้ามารายล้อมอีกครั้ง มือของพวกเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายของทั้งปุณณ์, เคนชิน, และแม้กระทั่งตัวรถมอเตอร์ไซค์ มันคือการร่วมรักที่ไม่ได้มีแค่คนสองคน แต่มี "ครอบครัว" ทั้งหมดเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและผู้มอบพร

ไทเริ่มใช้ปากของเขากับแผ่นหลังของเคนชิน, กันต์ดูแลปุณณ์จากด้านหน้า, ต้ากับบอสช่วยกันปลุกเร้าทั้งสองคนจากด้านข้าง, ในขณะที่คิมกับเนย์ก็เข้าร่วมด้วยการสัมผัสที่อ่อนโยนและเร่าร้อน

"อ๊า... พวกพี่... อึก... เคนชิน..." ปุณณ์ครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม ความรู้สึกจากทุกทิศทางถาโถมเข้ามาจนเขารู้สึกเหมือนจะแตกสลาย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"มองพวกเขาไว้ปุณณ์... มองหน้าครอบครัวของเธอ" เคนชินกระซิบเสียงพร่าอยู่ข้างหู ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอย่างรุนแรงและหนักแน่น

ปุณณ์เบิกตากว้าง เขามองเห็นใบหน้าของพี่ๆ ทุกคนรอบตัว... ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก, ความอาลัย, และความภาคภูมิใจ น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้

"ได้เวลาแล้ว!" ไทตะโกนขึ้นมาเป็นสัญญาณสุดท้าย

สิ้นเสียงนั้น... ร่างกายของทุกคนก็เกร็งกระตุกพร้อมกัน

หยาดหยดแห่งความรักและความปรารถนาสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาจากสมาชิกทั้ง 6 คนที่เหลือ พรั่งพรมลงบนร่างกายของปุณณ์และเคนชิน และสาดกระเซ็นไปทั่วตัวถังสีเขียวดำที่มันวาวของรถ Z650...

มันคือการ "รุมแตก" ที่ไม่ได้เป็นเพียงการปลดปล่อยทางเพศ แต่คือการ "เจิม" ครั้งสุดท้าย... คือการมอบพรอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด... คือการประทับตราแห่งความทรงจำของ "ครอบครัวใต้เบาะ" ลงบนทุกอณูของคนทั้งสองและมอเตอร์ไซค์ของพวกเขา... ก่อนที่จะปล่อยให้พวกเขาออกเดินทางไปสู่เส้นทางใหม่


หลังจากพายุแห่งอารมณ์ได้ผ่านพ้นไป... ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของปุณณ์ที่ซบหน้าร้องไห้อยู่กับแผงอกของเคนชิน และอ้อมกอดของพี่ๆ ทุกคนที่เข้ามารุมกอดคนทั้งสองไว้เป็นวงกลม...


ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

การร่ำลาหน้าประตูผู้โดยสารขาออกเป็นไปอย่างเรียบง่ายและสมกับเป็นพวกเขา

"ไปถึงนู่นแล้ว อย่าลืมส่งของดีๆ มาให้ดูบ้างนะเว้ย!" บอสตะโกนแซว

"ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ดูแลหัวหน้ามึงด้วย" ไทพูดพลางตบไหล่ปุณณ์อย่างหนักแน่น

ปุณณ์กับเคนชินโค้งอำลาทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินเคียงข้างกันเข้าไปข้างใน

สมาชิก "ใต้เบาะ" ที่เหลือทั้ง 6 คนยืนเรียงหน้ากระดาน มองตามแผ่นหลังของเพื่อนและน้องชายที่รักที่สุดจนลับสายตาไป พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น... เป็นครอบครัวที่แข็งแกร่งเหมือนเดิม แม้จะขาดไปหนึ่งคน แต่ก็เป็นความขาดที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

เพราะพวกเขารู้ดีว่า... นี่ไม่ใช่การจากลาตลอดไป แต่เป็นเพียงการเฝ้ารอ... จนกว่าจะถึงวันที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง... ใต้ฟ้าผืนเดียวกัน

...จบซีซั่น 2...