กลิ่นอายของเมืองไทยถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ทันทีที่รถบัสของผู้จัดงานเลี้ยวเข้าสู่อาณาบริเวณของรีสอร์ทหรูบนเนินเขา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
อากาศเย็นสะอาด, สวนหินที่จัดวางอย่างมีปรัชญา, และสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานไม้กับกระจกได้อย่างลงตัว ทำให้ ไท และ ปุณณ์ ที่เพิ่งลงจากรถรู้สึกเหมือนก้าวเข้ามาสู่อีกโลกหนึ่ง
ไทในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คดูผ่อนคลายและสุขุม เขากวาดตามองรอบๆ อย่างรวดเร็วเพื่อประเมินสถานการณ์ตามสัญชาตญาณ ในขณะที่ปุณณ์ในชุดลักษณะเดียวกันแต่ดูเป็นทางการกว่าเล็กน้อย ยืนตัวตรงเกร็งอย่างเห็นได้ชัด แววตาของเขาฉายแววตื่นเต้นระคนกับความประหม่าของการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในต่างแดนครั้งแรก
"ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้" ไทพูดเรียบๆ ขณะรับคีย์การ์ดจากพนักงานต้อนรับ "ทำตัวตามสบาย แต่ก็อย่าลืมว่าเรามาในนามตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
"ครับพี่!" ปุณณ์รับคำเสียงหนักแน่น
ขณะเดียวกัน ภาพก็ตัดไปยังความโกลาหลวุ่นวายใจกลางกรุงโตเกียว ณ ทางข้ามห้าแยกชิบูย่าที่โด่งดัง กันต์ , ต้า , และ บอส กำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนมหาศาล
"โอ้โห! คนหรือมดวะเนี่ย!" ต้าตะโกนแข่งกับเสียงรอบข้าง แววตาตื่นตะลึงกับแสงสีและพลังงานของเมืองใหญ่
"มึงดูหนุ่มคนนั้นดิ ขาวสัส!" บอสชี้ไปมั่วๆ ก่อนจะโดนกันต์ตบหัวไปหนึ่งที
"ไอ้ห่า มึงเก็บอาการหน่อย!" กันต์ดุ แต่ปากก็ยิ้มกว้าง เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปและวิดีโอไม่หยุด "พวกนั้นคงกำลังเช็คอินเข้าโรงแรมกันแล้วมั้ง ป่านนี้คงนั่งฟังสรุปกำหนดการน่าเบื่อๆ อยู่แน่"
"สมน้ำหน้า!" ต้ากับบอสพูดขึ้นพร้อมกันแล้วหัวเราะร่า ก่อนจะพากันเดินข้ามถนนไปหาของกินอร่อยๆ ตามลายแทงที่กันต์เตรียมมาอย่างดี
ภาพตัดกลับมาที่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์นของไทและปุณณ์ หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ทั้งสองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับในค่ำคืนนี้
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในห้องโถงใหญ่ที่มองเห็นวิวสวนญี่ปุ่นยามค่ำคืน บรรยากาศเป็นทางการแต่ไม่ถึงกับน่าอึดอัด หลังจากพิธีกรกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมจากนานาชาติ ก็ถึงเวลาแนะนำทีมเจ้าภาพจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว
ชายสองคนแรกที่ก้าวออกมาคือ เรียว และ ฮารุ พวกเขาสวมสูทสากล ดูผ่อนคลายและส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ทุกคน พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและเดินเข้ามาทักทายไทกับปุณณ์อย่างมีมารยาท
แต่สายตาของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ไท กลับถูกดึงดูดไปยังชายคนที่สามที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง เคนชิน ...
เขาสวมสูทสีเทาเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีต แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างคือท่วงท่าที่ยืนสงบนิ่งราวกับนักดาบเคนโด้ และสายตาที่คมกริบราวกับใบมีดที่สามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้ เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม แค่โค้งคำนับให้แขกผู้มีเกียรติอย่างเป็นทางการ แต่รัศมีแห่งอำนาจและความน่าเกรงขามกลับแผ่ออกมาอย่างชัดเจน
และเมื่อพิธีกรแนะนำมาถึงทีมจากประเทศไทย... มันก็เกิดขึ้น วินาทีที่ชื่อของ "ร้อยตำรวจโท ปุณณ์" ถูกขานออกมา สายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาของเคนชินที่มองตรงมาพอดิบพอดี
โลกทั้งใบของปุณณ์พลันหยุดหมุน เสียงรอบข้างเงียบหายไป เหลือเพียงสายตาคมกริบคู่นั้นที่จับจ้องมาที่เขาราวกับจะสูบวิญญาณ เคนชินที่ยืนหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มาตลอด... กลับหยุดสายตาไว้ที่ปุณณ์นานกว่าปกติเพียงเสี้ยววินาที มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากจนไม่มีใครสังเกตเห็น แต่สำหรับปุณณ์ มันยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์
เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตจนชาวาบไปทั้งตัว ด้วยความประหม่าสุดขีด ปุณณ์รีบยกมือไหว้แบบไทยอย่างลนลาน เคนชินเพียงแค่พยักหน้ารับช้าๆ แต่สายตาคู่นั้น... ยังคงไม่ละไปจากใบหน้าของเขา
ช่วงพักเบรกกาแฟสิบห้านาที ปุณณ์ยังคงรู้สึกเหมือนขาสั่น เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดโดยการยืนอยู่ข้างๆ ไท แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองไปยังร่างสูงของสารวัตรญี่ปุ่นที่ยืนคุยกับเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่อีกมุมของห้อง
ไทเองก็สังเกตเห็นอาการของปุณณ์ เขาลอบมองไปยังเคนชินเช่นกัน และเขาก็เห็นว่าเคนชินเองก็แอบเหลือบมองปุณณ์เป็นระยะๆ เหมือนกัน ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของไท... ความสนใจของสารวัตรญี่ปุ่นคนนี้ดูจะไม่ใช่แค่เรื่องงาน
แล้วเคนชินก็ขยับ... เขาวางแก้วกาแฟลงแล้วเดินตรงมา... ไม่ใช่ทางปุณณ์โดยตรง แต่เป็นทิศทางที่จะเดินผ่านด้านหลังของเขาไปเพื่อไปยังอีกฝั่งของห้อง ปุณณ์ใจเต้นรัว พยายามทำเป็นไม่สนใจ...
แต่เมื่อร่างสูงนั้นเดินมาถึงด้านหลัง... เคนชินก็โน้มตัวลงเล็กน้อย ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดที่ข้างหูของปุณณ์ พร้อมกับเสียงกระซิบที่เบาและทุ้มลึกจนขนลุกไปทั้งตัว " Restroom. Now. "
พูดจบ เคนชินก็เดินจากไปทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ปุณณ์ยืนตัวแข็งทื่อ สมองขาวโพลน คำสั่งสั้นๆ แค่สองคำนั้นกลับมีพลังทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่าเสียงระเบิด
"พี่ไทครับ... ผม... ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ" ปุณณ์หันไปบอกไทเสียงสั่น
ไทไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพยักหน้า
ปุณณ์รีบก้าวขาที่หนักอึ้งของตัวเองออกจากห้องโถง หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก เขารู้ว่านี่มันบ้าสิ้นดี แต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง มันเดินตรงไปยังห้องน้ำของโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาผลักประตูเข้าไป... เคนชินก็ยืนรออยู่แล้ว ในห้องน้ำที่เงียบสงบ ไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น เคนชินใช้สายตาล็อกปุณณ์ไว้ ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิดตัวแล้วผลักร่างของนายตำรวจหนุ่มจากไทยเข้าไปในห้องน้ำสำหรับผู้พิการที่อยู่ด้านในสุดอย่างแรงจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับผนังเย็นเฉียบ เสียงกดล็อกประตูดัง "คลิก" เหมือนเป็นสัญญาณตัดขาดจากโลกภายนอก
"อ๊ะ..." ปุณณ์ร้องได้แค่นั้น ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะถูกบดขยี้ด้วยจูบที่รุนแรงและหิวกระหาย มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวาน แต่เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของอย่างก้าวร้าว เคนชินใช้ลิ้นร้อนๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของปุณณ์อย่างรุนแรง บังคับให้ลิ้นของปุณณ์พันเกี่ยวตาม ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่าปะปนกับกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่เกิดจากการบดขยี้ริมฝีปาก
เข็มขัดของปุณณ์ถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว ซิปกางเกงถูกรูดลง ตามด้วยชั้นในที่ถูกดึงรั้งลงไปกองอยู่แค่ข้อเท้า เผยให้เห็นบั้นท้ายแน่นกลมที่กระตุกเกร็งด้วยความหวาดหวั่นและตื่นเต้น
ทุกอย่างรวดเร็วและดิบเถื่อน ปุณณ์ไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวหรือขัดขืนด้วยซ้ำ เคนชินจับเขายกขึ้นเล็กน้อยให้พิงกับผนัง เขาไม่ได้รีบร้อน แต่กลับใช้มือข้างหนึ่งบีบเคล้นบั้นท้ายของปุณณ์อย่างแรง เหมือนเป็นการประเมินคุณภาพของเหยื่อ ก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปากเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงชโลมเจลลงบนลำเอ็นของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วสอดใส่ความเป็นชายที่แข็งแกร่งและร้อนจัดเข้ามาในร่างกายของเขาในครั้งเดียวโดยไม่มีการเบิกทางใดๆ
"อึก... อ๊า!" ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างพร้อมกับความเสียวซ่านที่ตีรวนอยู่ในช่องท้อง ปุณณ์จิกเล็บลงบนแขนของเคนชินเพื่อหาที่ระบาย เขารู้สึกเหมือนช่องทางด้านหลังถูกฉีกออก แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของเขากลับเผลอแอ่นสะโพกรับแรงดันนั้นอย่างไม่รู้ตัว เสียงครางของเขาพยายามจะหลุดออกมา แต่ก็ถูกกลืนหายไปในเสียงเนื้อกระทบกันดัง พั่บ! พั่บ! ที่ก้องสะท้อนในห้องน้ำเล็กๆ นั้น
เคนชินไม่สนใจเสียงร้องของเขา เขาเริ่มขยับสะโพกอย่างรุนแรงและเป็นจังหวะหนักหน่วง ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ แต่ดวงตาฉายแววของสัตว์ป่าที่กำลังขย้ำเหยื่อ เขาจับใบหน้าของปุณณ์ให้หันมาสบตา บังคับให้มองภาพการเชื่อมต่ออันเร่าร้อนของพวกเขาทั้งสองคน ปุณณ์เห็นใบหน้าของเคนชินที่นิ่งเฉยแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ควบคุมไม่ได้... ภาพนั้นยิ่งทำให้ปุณณ์สับสนและหวาดหวั่น แต่ก็ถูกดึงดูดอย่างห้ามไม่ได้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปล่อยให้เคนชินเป็นผู้ควบคุมทุกการเคลื่อนไหว
มันจบลงอย่างรวดเร็วเหมือนกับตอนที่มันเริ่มต้น เคนชินคำรามในลำคอต่ำๆ พร้อมกับปลดปล่อยความปรารถนาทั้งหมดเข้ามาในตัวปุณณ์จนร่างกายของนายตำรวจหนุ่มชาวไทยสั่นสะท้าน น้ำรักอุ่นร้อนฉีดพุ่งเข้ามาจนปุณณ์รู้สึกจุกแน่นไปหมด เขากัดปากตัวเองแน่น กลั้นเสียงครางสุดท้าย
เคนชินถอนตัวตนออกทันที เขาจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เข้าที่ในเวลาไม่ถึงสิบวินาที กลับไปสู่สภาพของสารวัตรผู้สุขุมคนเดิม เขาปลดล็อกประตูแล้วหันมามองปุณณ์ที่ยังคงยืนหอบหายใจพิงผนังด้วยสภาพกึ่งเปลือยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพูดเรียบๆ แต่แฝงด้วยความพึงพอใจเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในดวงตา " Five minutes. "
แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ปุณณ์อยู่กับความเจ็บแสบ, ความเสียวซ่าน, และความสับสนที่ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
คืนนั้น... หลังจากงานเลี้ยงเลิกราและทีมท่องเที่ยวทั้งสามคนกลับมาถึงห้องพัก บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความแตกต่างอย่างสุดขั้ว กันต์, ต้า, และบอส ส่งเสียงดังโหวกเหวก เล่าเรื่องราวการผจญภัยในเมืองกรุงของพวกเขาอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ปุณณ์นั่งเงียบอยู่บนเตียง พยายามประมวลผลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเอง
"แล้วงานเลี้ยงเป็นไงมั่งวะ น่าเบื่อดิ?" ต้าหันมาถาม
ไทที่นั่งอ่านกำหนดการของวันพรุ่งนี้อยู่เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเหลือบมองปุณณ์อย่างมีความหมายแล้วยิ้มที่มุมปาก ในใจของไท เขารู้ดีว่าท่าทีของปุณณ์มันผิดปกติ และสายตาของสารวัตรเจ้าภาพคนนั้นก็ไม่ได้มองปุณณ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานแน่ๆ...แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เขาอยากจะรอดู...ว่าลูกน้องที่เขาเฝ้าดูมาตลอด จะรับมือกับพายุลูกใหม่ลูกนี้อย่างไร
"ไม่น่าเบื่อเลย... ได้เจอเรื่องน่าสนใจเยอะ" ไทพูดเรียบๆ "โดยเฉพาะสารวัตรเจ้าภาพคนนั้น... เขาดูจะ 'สนใจ' ตำรวจไทยเป็นพิเศษเลยนะ"
ปุณณ์สะดุ้งสุดตัว รีบก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับใคร ท่าทีที่ผิดปกติของเขาทำให้กันต์, ต้า, และบอส หันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง... ค่ำคืนแรกในญี่ปุ่นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ดูเหมือนว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้นในไม่ช้า