ใต้เครื่องแบบ...ใต้เบาะ ซีซั่น 2 ตอนที่ 6 : ทางแยกที่ปลายฟ้า

เช้าวันสุดท้ายในญี่ปุ่นมาถึงเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิด... ทั้งแปดคนนัดกินมื้อเที่ยงด้วยกันเป็นมื้ออำลาที่ร้านอาหารเล็กๆ แต่อบอุ่นแห่งหนึ่งในรีสอร์ท บรรยากาศแตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา มันมีความเงียบสงบและความรู้สึกใจหายแฝงอยู่ในเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ ทุกคนรู้ดีว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้มารวมตัวกันพร้อมหน้าแบบนี้ในญี่ปุ่น

หลังมื้ออาหารจบลง ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งจิบชาและพูดคุยเรื่องไร้สาระเพื่อยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด เคนชิน ก็ลุกขึ้นยืน เขาโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับทุกคน ก่อนจะหยิบถุงกระดาษ 5 ใบที่เตรียมไว้ออกมาวางบนโต๊ะ

"นี่เป็นของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ... จากพวกเราฝั่งญี่ปุ่น" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ "หวังว่าพวกคุณจะชอบ"

ห้าหนุ่มชาวไทยมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่บอสจะเป็นคนแรกที่หยิบถุงของตัวเองขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่รอช้า "...เฮ้ย!" บอสอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะหยิบของข้างในออกมาโชว์ให้ทุกคนดู มันคือ " ฟุนโดชิ " หรือผ้าเตี่ยวแบบญี่ปุ่นโบราณสีแดงสด พร้อมกับลายสกรีนรูปปลาคาร์พที่ดูน่าเกรงขาม

เมื่อคนอื่นๆ เปิดดูของตัวเองก็พบว่าเป็นแบบเดียวกันทุกลาย ทุกคนในโต๊ะเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นร้าน

"ไอ้เคนชิน! มึงแม่ง!" ต้าหัวเราะจนตัวงอ "นี่มึงจะให้พวกกูใส่ไอ้นี่ไปทำงานรึไงวะ!"

"ก็ไม่เลวนะ" เรียวพูดกลั้วหัวเราะ "ผมว่าถ้าคุณใส่ใต้เครื่องแบบตำรวจไทย ต้องดูเซ็กซี่มากแน่ๆ"

มันเป็นโมเมนต์อำลาที่ทั้งตลกและน่าจดจำ เป็นการมอบของขวัญที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและทะลึ่งตึงตังของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หลังจากแยกย้ายกันไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน เคนชินได้ขอคุยกับปุณณ์ตามลำพังที่สวนหินอันเงียบสงบของรีสอร์ท ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เคนชินจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งให้ปุณณ์

"อะไรครับ?" ปุณณ์ถามพลางรับมาเปิดดู ข้างในคือรายละเอียดของ " โครงการแลกเปลี่ยนตำรวจสากล " ที่มีตราของกรมตำรวจนครบาลโตเกียวประทับอยู่

ปุณณ์เงยหน้าขึ้นมองเคนชินด้วยความตกตะลึง "มันเป็นโครงการจริง..."

เคนชินพูดช้าๆ ชัดๆ "ถ้าคุณผ่านการคัดเลือก จะได้มาประจำการที่โตเกียวเป็นเวลาสองปี... ผมอยากให้คุณลองดู"

คำพูดนั้นหนักอึ้งราวกับภูเขา มันกระแทกเข้ามาในใจของปุณณ์อย่างจัง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ หรือความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนอีกต่อไป แต่มันคือทางแยกที่สำคัญที่สุดในชีวิตและอาชีพการงานของเขา

"ทำไม..." ปุณณ์ถามเสียงสั่น

เคนชินก้าวเข้ามาใกล้ เขาไม่ได้แตะต้องตัวปุณณ์ แต่สายตาของเขากลับสัมผัสไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของอีกฝ่าย "เพราะผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรา... จบลงแค่ที่นี่"

ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนไปสนามบิน... เคนชินและปุณณ์ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องพักของปุณณ์ บรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบสงัด มีเพียงแสงสลัวจากหน้าต่างที่ส่องเข้ามา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันที่อึดอัดแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก

เคนชินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาเดินเข้าไปสวมกอดปุณณ์จากด้านหลัง วางคางลงบนไหล่ของนายตำรวจหนุ่มชาวไทย "ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ... ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน" เสียงทุ้มต่ำของเคนชินสั่นสะท้านเล็กน้อย บ่งบอกถึงความรู้สึกที่อัดแน่น

ปุณณ์หลับตาลง ซึมซับความอบอุ่นจากแผ่นอกกว้างที่แนบอยู่ด้านหลัง เขารู้ดีว่านี่คือการอำลา เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ให้นานที่สุด... อยากจะจดจำทุกสัมผัสของเคนชินไว้ในใจ เขาค่อยๆ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเคนชิน แล้วเป็นฝ่ายเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบอีกฝ่ายก่อน

มันเป็นจูบที่แตกต่างจากทุกครั้ง มันไม่มีความรุนแรงหรือการควบคุม แต่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ความรัก และความปรารถนาที่จะหยุดเวลาไว้ให้นานที่สุด ลิ้นของปุณณ์สอดแทรกเข้าไปสำรวจในโพรงปากของเคนชินอย่างอ่อนโยน ราวกับจะซึมซับทุกรสชาติ ทุกความรู้สึกให้ตราตรึง

เคนชินอุ้มปุณณ์ขึ้นมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มบทรักครั้งสุดท้ายของพวกเขา... เซ็กส์ในครั้งนี้เชื่องช้าและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ เคนชินยังคงเป็นฝ่ายนำ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ราวกับว่าปุณณ์เป็นสมบัติล้ำค่าที่อาจจะแตกสลายได้ง่ายๆ

เขาจูบไล้ไปทั่วทุกส่วนของร่างกายปุณณ์อย่างเนิบนาบตั้งแต่ลำคอ แผงอก หน้าท้อง และต้นขา สัมผัสราวกับจะจดจำทุกตารางนิ้ว เขาจูบซับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากหางตาของปุณณ์อย่างแผ่วเบา สอดใส่ความเป็นชายเข้ามาอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ปุณณ์รู้สึกถึงความรักที่ท่วมท้นมากกว่าความเจ็บปวด

"เคนชิน... อึก... ผม..." ปุณณ์พยายามจะพูด แต่ก็ถูกปิดปากด้วยจูบที่ลึกซึ้ง "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" เคนชินกระซิบตอบ "ใช้ความรู้สึกก็พอ"

แล้วเขาก็เริ่มขยับร่างกายอย่างช้าๆ... ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของเคนชินเต็มไปด้วยความหมาย เขาไม่ได้สอดใส่เข้ามาอย่างรุนแรงเหมือนทุกครั้ง แต่ค่อยๆ กดเน้นเข้ามาอย่างช้าๆ ทว่าลึกซึ้งและหนักแน่น เปิดโอกาสให้ปุณณ์ได้ปรับตัวและรับรู้ถึงทุกสัมผัสของเขาอย่างเต็มที่

"อ๊ะ... อึก... เคนชิน" ปุณณ์ครางออกมาเสียงพร่า ร่างกายบิดเร้าไปตามแรงอารมณ์ เขากำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วทุกอณู เคนชินโน้มตัวลงไปจูบซับเหงื่อที่หน้าผากของปุณณ์ "เจ็บไหม?" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

ปุณณ์ส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาไหลออกมาจากหางตาอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่น้ำตาของความเจ็บปวด "ไม่... ไม่เจ็บ... แต่อย่าไปได้ไหม" เสียงของปุณณ์สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดที่เกิดจากการจากลา คำขอนั้นทำให้การเคลื่อนไหวของเคนชินหยุดชะงักไปชั่วขณะ

ปุณณ์รู้สึกได้ถึงแรงเกร็งจากร่างกายของเคนชินที่อยู่เหนือเขา เขารู้ว่าคำพูดของตัวเองได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเคนชินไม่ต่างกัน เคนชินก้มลงจูบที่ริมฝีปากสั่นระริกของปุณณ์อย่างปลอบประโลม "ผมจะอยู่ในตัวคุณ... ตลอดไป"

พูดจบ เขาก็เริ่มขยับอีกครั้ง คราวนี้จังหวะเริ่มเร็วและหนักหน่วงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความอ่อนโยนยังคงอยู่ แต่แฝงด้วยความต้องการที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้ปุณณ์ก่อนที่จะต้องจากกัน ทุกแรงกระแทกคือคำมั่นสัญญา ทุกการสอดประสานคือคำอำลา เสียงครางของทั้งสองคนดังประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ร่างกายที่แนบชิดส่งผ่านความร้อนและความรู้สึกทั้งหมดให้แก่กัน

ปุณณ์รู้สึกถึงความสุขที่ท่วมท้นจนเจ็บปวด เขากอดรัดเคนชินแน่นขึ้นอีก พยายามจะซึมซับทุกสัมผัสให้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ... ทุกอย่างคือครั้งสุดท้าย...

"ผมรักคุณ... เคนชิน... อ๊า!" ปุณณ์กรีดร้องออกมาเมื่อร่างกายของเขาเดินทางไปถึงจุดสูงสุด ความสุขสมแล่นไปทั่วร่างจนสั่นสะท้าน การปลดปล่อยของปุณณ์เป็นเหมือนสัญญาณสุดท้าย เคนชินคำรามในลำคอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างรุนแรงและลึกที่สุด แล้วปลดปล่อยทุกหยาดหยดที่เต็มไปด้วยความรักและความอาลัยทั้งหมดของเขาเข้าไปในร่างกายของปุณณ์จนหมดสิ้น...

เขาไม่ได้ถอนตัวตนออกในทันที แต่กลับแช่ค้างอยู่อย่างนั้น กอดร่างของปุณณ์ไว้แน่น ราวกับจะมอบส่วนหนึ่งของตัวตนและจิตวิญญาณของเขาให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก... จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

ภาพตัดมาที่สนามบินนาริตะ... การร่ำลาเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงการตบไหล่และกอดคอกันแบบเพื่อนผู้ชาย ไม่มีใครร้องไห้ แต่แววตาของทุกคนก็ฉายชัดถึงความผูกพันที่จะไม่มีวันลืม

บนเครื่องบินที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ปุณณ์เอนศีรษะพิงกับกระจกหน้าต่าง มองดูแผ่นดินญี่ปุ่นที่ค่อยๆ เล็กลงจนลับสายตาไป ในมือของเขากำซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นไว้แน่น เขาหันหน้าไปหาไทที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่สับสนและหนักอึ้ง

"พี่ไทครับ... ผมมีเรื่อง... อยากจะปรึกษา"

ไทละสายตาจากหนังสือในมือ หันมามองหน้าลูกน้องคนสนิทแล้วพยักหน้าช้าๆ "ว่ามาสิ"

ฉากสุดท้ายของทริปญี่ปุ่นได้จบลงแล้ว... แต่เรื่องราวชีวิตของพวกเขากำลังจะเข้าสู่ทางแยกที่สำคัญที่สุด