เช้าวันสุดท้ายในญี่ปุ่นมาถึงเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิด...
ทั้งแปดคนนัดกินมื้อเที่ยงด้วยกันเป็นมื้ออำลาที่ร้านอาหารเล็กๆ แต่อบอุ่นแห่งหนึ่งในรีสอร์ท บรรยากาศแตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา มันมีความเงียบสงบและความรู้สึกใจหายแฝงอยู่ในเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ ทุกคนรู้ดีว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้มารวมตัวกันพร้อมหน้าแบบนี้ในญี่ปุ่น
หลังมื้ออาหารจบลง ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งจิบชาและพูดคุยเรื่องไร้สาระเพื่อยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด เคนชินก็ลุกขึ้นยืน เขาโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับทุกคน ก่อนจะหยิบถุงกระดาษ 5 ใบที่เตรียมไว้ออกมาวางบนโต๊ะ
"นี่เป็นของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ... จากพวกเราฝั่งญี่ปุ่น" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ "หวังว่าพวกคุณจะชอบ"
ห้าหนุ่มชาวไทยมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่บอสจะเป็นคนแรกที่หยิบถุงของตัวเองขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่รอช้า
"...เฮ้ย!" บอสอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะหยิบของข้างในออกมาโชว์ให้ทุกคนดู มันคือ "ฟุนโดชิ" หรือผ้าเตี่ยวแบบญี่ปุ่นโบราณสีแดงสด พร้อมกับลายสกรีนรูปปลาคาร์พที่ดูน่าเกรงขาม
เมื่อคนอื่นๆ เปิดดูของตัวเองก็พบว่าเป็นแบบเดียวกันทุกลาย ทุกคนในโต๊ะเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นร้าน
"ไอ้เคนชิน! มึงแม่ง!" ต้าหัวเราะจนตัวงอ "นี่มึงจะให้พวกกูใส่ไอ้นี่ไปทำงานรึไงวะ!"
"ก็ไม่เลวนะ" เรียวพูดกลั้วหัวเราะ "ผมว่าถ้าคุณใส่ใต้เครื่องแบบตำรวจไทย ต้องดูเซ็กซี่มากแน่ๆ"
มันเป็นโมเมนต์อำลาที่ทั้งตลกและน่าจดจำ เป็นการมอบของขวัญที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและทะลึ่งตึงตังของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากแยกย้ายกันไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน เคนชินได้ขอคุยกับปุณณ์ตามลำพังที่สวนหินอันเงียบสงบของรีสอร์ท
ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เคนชินจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งให้ปุณณ์
"อะไรครับ?" ปุณณ์ถามพลางรับมาเปิดดู
ข้างในคือรายละเอียดของ "โครงการแลกเปลี่ยนตำรวจสากล" ที่มีตราของกรมตำรวจนครบาลโตเกียวประทับอยู่
ปุณณ์เงยหน้าขึ้นมองเคนชินด้วยความตกตะลึง
"มันเป็นโครงการจริง..." เคนชินพูดช้าๆ ชัดๆ "ถ้าคุณผ่านการคัดเลือก จะได้มาประจำการที่โตเกียวเป็นเวลาสองปี... ผมอยากให้คุณลองดู"
คำพูดนั้นหนักอึ้งราวกับภูเขา มันกระแทกเข้ามาในใจของปุณณ์อย่างจัง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ หรือความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนอีกต่อไป แต่มันคือทางแยกที่สำคัญที่สุดในชีวิตและอาชีพการงานของเขา
"ทำไม..." ปุณณ์ถามเสียงสั่น
เคนชินก้าวเข้ามาใกล้ เขาไม่ได้แตะต้องตัวปุณณ์ แต่สายตาของเขากลับสัมผัสไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของอีกฝ่าย "เพราะผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรา... จบลงแค่ที่นี่"
ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนไปสนามบิน... เคนชินและปุณณ์ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องพักของปุณณ์
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันที่อึดอัดแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก เคนชินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาเดินเข้าไปสวมกอดปุณณ์จากด้านหลัง วางคางลงบนไหล่ของนายตำรวจหนุ่มชาวไทย
"ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ... ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน"
ปุณณ์หลับตาลง ซึมซับความอบอุ่นจากแผ่นอกกว้างที่แนบอยู่ด้านหลัง เขารู้ดีว่านี่คือการอำลา เขาค่อยๆ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเคนชิน แล้วเป็นฝ่ายเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบอีกฝ่ายก่อน
มันเป็นจูบที่แตกต่างจากทุกครั้ง มันไม่มีความรุนแรงหรือการควบคุม แต่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ความรัก และความปรารถนาที่จะหยุดเวลาไว้ให้นานที่สุด
เคนชินอุ้มปุณณ์ขึ้นมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มบทรักครั้งสุดท้ายของพวกเขา...
เซ็กส์ในครั้งนี้เชื่องช้าและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ เคนชินยังคงเป็นฝ่ายนำ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ราวกับว่าปุณณ์เป็นสมบัติล้ำค่าที่อาจจะแตกสลายได้ง่ายๆ เขาจูบซับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากหางตาของปุณณ์อย่างแผ่วเบา สอดใส่ความเป็นชายเข้ามาอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ปุณณ์รู้สึกถึงความรักที่ท่วมท้นมากกว่าความเจ็บปวด
"เคนชิน... อึก... ผม..." ปุณณ์พยายามจะพูด แต่ก็ถูกปิดปากด้วยจูบที่ลึกซึ้ง
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" เคนชินกระซิบตอบ "ใช้ความรู้สึกก็พอ"
แล้วเขาก็เริ่มขยับร่างกายอย่างช้าๆ...
ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของเคนชินเต็มไปด้วยความหมาย เขาไม่ได้สอดใส่เข้ามาอย่างรุนแรงเหมือนทุกครั้ง แต่ค่อยๆ กดเน้นเข้ามาอย่างช้าๆ ทว่าลึกซึ้งและหนักแน่น เปิดโอกาสให้ปุณณ์ได้ปรับตัวและรับรู้ถึงทุกสัมผัสของเขาอย่างเต็มที่
"อ๊ะ... อึก... เคนชิน" ปุณณ์ครางออกมาเสียงพร่า ร่างกายบิดเร้าไปตามแรงอารมณ์ เขากำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วทุกอณู
เคนชินโน้มตัวลงไปจูบซับเหงื่อที่หน้าผากของปุณณ์ "เจ็บไหม?" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ปุณณ์ส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาไหลออกมาจากหางตาอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่น้ำตาของความเจ็บปวด "ไม่... ไม่เจ็บ... แต่อย่าไปได้ไหม"
คำขอนั้นทำให้การเคลื่อนไหวของเคนชินหยุดชะงักไปชั่วขณะ เขาก้มลงจูบที่ริมฝีปากสั่นระริกของปุณณ์อย่างปลอบประโลม "ผมจะอยู่ในตัวคุณ... ตลอดไป"
พูดจบ เขาก็เริ่มขยับอีกครั้ง คราวนี้จังหวะเริ่มเร็วและหนักหน่วงขึ้น แต่ยังคงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทุกแรงกระแทกคือคำมั่นสัญญา ทุกการสอดประสานคือคำอำลา เสียงครางของทั้งสองคนดังประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ร่างกายที่แนบชิดส่งผ่านความร้อนและความรู้สึกทั้งหมดให้แก่กัน
"ผมรักคุณ... เคนชิน... อ๊า!" ปุณณ์กรีดร้องออกมาเมื่อร่างกายของเขาเดินทางไปถึงจุดสูงสุด ความสุขสมแล่นไปทั่วร่างจนสั่นสะท้าน
การปลดปล่อยของปุณณ์เป็นเหมือนสัญญาณสุดท้าย เคนชินคำรามในลำคอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างรุนแรงและลึกที่สุด แล้วปลดปล่อยทุกหยาดหยดที่เต็มไปด้วยความรักและความอาลัยทั้งหมดของเขาเข้าไปในร่างกายของปุณณ์จนหมดสิ้น... เขาไม่ได้ถอนตัวตนออกในทันที แต่กลับแช่ค้างอยู่อย่างนั้น กอดร่างของปุณณ์ไว้แน่น ราวกับจะมอบส่วนหนึ่งของตัวตนและจิตวิญญาณของเขาให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก... จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ภาพตัดมาที่สนามบินนาริตะ...
การร่ำลาเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงการตบไหล่และกอดคอกันแบบเพื่อนผู้ชาย ไม่มีใครร้องไห้ แต่แววตาของทุกคนก็ฉายชัดถึงความผูกพันที่จะไม่มีวันลืม
บนเครื่องบินที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ปุณณ์เอนศีรษะพิงกับกระจกหน้าต่าง มองดูแผ่นดินญี่ปุ่นที่ค่อยๆ เล็กลงจนลับสายตาไป ในมือของเขากำซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นไว้แน่น
เขาหันหน้าไปหาไทที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่สับสนและหนักอึ้ง
"พี่ไทครับ... ผมมีเรื่อง... อยากจะปรึกษา"
ไทละสายตาจากหนังสือในมือ หันมามองหน้าลูกน้องคนสนิทแล้วพยักหน้าช้าๆ "ว่ามาสิ"
ฉากสุดท้ายของทริปญี่ปุ่นได้จบลงแล้ว... แต่เรื่องราวชีวิตของพวกเขากำลังจะเข้าสู่ทางแยกที่สำคัญที่สุด