แสงแรกของวันใหม่สาดส่องกระทบผ้าม่านบางเบาในอะพาร์ตเมนต์ย่านชินจูกุ ปุณณ์ขยับตัวเล็กน้อย พยายามปรับสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างยามเช้าของโตเกียว เสียงเจื้อยแจ้วของรายการข่าวภาษาญี่ปุ่นทางโทรทัศน์ที่เคนชินเปิดทิ้งไว้เป็นกิจวัตรยามเช้า คลอไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและมิโซะซุปที่ลอยมาจากห้องครัว เขายิ้มเล็กน้อย รู้นี่คือ "บ้าน" ของเขาจริงๆ แล้ว
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชีวิตคู่ของเขากับเคนชินดำเนินไปอย่างลงตัวและมีความสุข ปุณณ์เริ่มปรับตัวเข้ากับจังหวะชีวิตของมหานครแห่งนี้ได้ดีขึ้นมาก การสื่อสารภาษาญี่ปุ่นที่ลื่นไหลขึ้นทำให้ความประหม่าจากการทำงานลดลงไปบ้าง แต่กระนั้น ความกดดันจากการเป็นตำรวจต่างชาติในวัฒนธรรมที่เป๊ะทุกกระเบียดนิ้วของญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นเงาตามติด
"ปุณณ์ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะสายนะ" เสียงทุ้มนุ่มของเคนชินดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศที่ดูเนี้ยบกริบเสมอ เรียงกระดุมทุกเม็ดติดแน่น ปลายเนคไทผูกรัดได้รูปเป๊ะ บอกความเป็นคนเจ้าระเบียบได้อย่างดีเยี่ยม
ปุณณ์ผุดลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มองคนรักที่ยืนสง่าอยู่ในเครื่องแบบ ดวงตาคมกริบของเคนชินมองมาอย่างอ่อนโยนเสมอเมื่ออยู่กันสองคน และนั่นทำให้ปุณณ์รู้สึกอบอุ่นใจ "ครับ กำลังจะลุกเลย" ปุณณ์ตอบ พลางยืดเส้นยืดสาย ไล่ความเมื่อยขบ
หลังจากจัดการกับอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่เคนชินเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ก้าวออกมาจากอะพาร์ตเมนต์ในชุดเครื่องแบบเต็มยศที่ดูสง่างาม ก่อนจะแยกย้ายกันไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนเอง— Kawasaki Z650 ของปุณณ์ และ Yamaha MT-09 ของเคนชิน ที่จอดเคียงกันอยู่ เสียงเครื่องยนต์ของรถสองสัญชาติคำรามขึ้นประสานกัน ก่อนจะเคลื่อนตัวออกสู่ท้องถนนของโตเกียวในยามเช้า ระหว่างทางที่จอดติดไฟแดง เคนชินที่จอดเทียบอยู่ข้างๆ ได้หันมาสบตาปุณณ์ผ่านกระจกหมวกกันน็อก เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าช้าๆ เป็นการส่งกำลังใจที่เงียบงันแต่ทรงพลัง ปุณณ์พยักหน้ารับ เขากระชับแฮนด์รถแน่นขึ้น ความประหม่าก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น
ที่ทำงาน บรรยากาศดูตึงเครียดกว่าปกติ ปุณณ์เดินเข้าไปในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยนายตำรวจหลายนายที่นั่งประจำที่อย่างเงียบกริบ เคนชินยืนอยู่ที่หน้าจอโปรเจกเตอร์ สายตาจริงจังกว่าทุกครั้ง "พวกเราได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญระดับชาติ" เคนชินเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง "คือการดูแลความปลอดภัยของ 'การประชุมสุดยอดผู้นำนานาชาติ' ที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า"
เพียงเท่านั้น ปุณณ์ก็รู้สึกถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนัก ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบมหาศาล เขาเหลือบมองเคนชินที่กำลังอธิบายรายละเอียดของแผนการอย่างกระชับและรัดกุม ทุกคำพูดเต็มไปด้วยน้ำหนักและความรับผิดชอบ ปุณณ์เองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่โถมเข้าใส่บ่าของเขาในฐานะส่วนหนึ่งของทีม
ตลอดทั้งวัน ปุณณ์จมอยู่กับกองเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ ความเครียดก็ยิ่งเกาะกุมแน่นขึ้นเท่านั้น เขากังวลว่าตัวเองจะทำได้ดีพอหรือไม่ในภารกิจสำคัญระดับโลกเช่นนี้ เคนชินสังเกตเห็นถึงความกังวลของปุณณ์ตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงาน ทุกครั้งที่ปุณณ์ชะงัก หรือมีสีหน้าครุ่นคิด เคนชินจะเดินเข้ามาหาทันที เขาจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างใจเย็น อธิบายถึงขั้นตอนที่ซับซ้อนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งยกตัวอย่างเคสที่เคยเกิดขึ้นเพื่อลดความประหม่าของปุณณ์
"ไม่ต้อง กดดันตัวเอง มากขนาดนั้นก็ได้นะ" เคนชินกระซิบเบาๆ ข้างหูปุณณ์ขณะที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในห้องทำงาน"ฉันอยู่ที่นี่เสมอ ถ้ามีอะไรติดขัด ถามฉันได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ" คำพูดนั้นเหมือนยาชะโลมใจให้ปุณณ์รู้สึกผ่อนคลายลงได้มาก
จนกระทั่งเลิกงาน เคนชินเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปแตะบ่าปุณณ์เบาๆ ก่อนจะเอ่ยชวน "ไปกันเถอะ" เขาพูดสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความเข้าใจ ปุณณ์เงยหน้ามองเคนชินที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ เขาพยักหน้า พับเก็บเอกสารทั้งหมดลงในกระเป๋า
เมื่อกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ บรรยากาศของความเงียบและความเหนื่อยล้ายังคงตามมาด้วย 'ไปอาบน้ำก่อนสิ เดี๋ยวฉันชงชาอุ่นๆ ไว้ให้' เคนชินพูดขึ้นทำลายความเงียบ หลังจากที่ปุณณ์จัดการตัวเองเสร็จและออกมาในชุดคลุมสบายๆ เขาก็เห็นเคนชินนั่งรออยู่ที่โซฟาพร้อมกับถ้วยชาที่ส่งไอร้อนกรุ่น 'มานั่งก่อน' เคนชินพูดพลางตบเบาๆ ที่ว่างข้างตัว เมื่อปุณณ์นั่งลง เขาก็เดินอ้อมไปด้านหลังแล้ววางมือลงบนบ่าที่เกร็งแน่นของปุณณ์อย่างแผ่วเบา 'เกร็งไปหมดแล้วนะ' เขาพูดพลางเริ่มนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้า... สัมผัสที่อบอุ่นและหนักแน่นนั้นค่อยๆ คลายปมความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และปลุกความปรารถนาที่ลึกซึ้งกว่าขึ้นมาแทนที่ ปุณณ์เอนศีรษะพิงกับโซฟา หลับตาลงรับสัมผัสที่แสนสบายนั้น ก่อนที่มือของเคนชินจะค่อยๆ เลื่อนจากบ่ามาสู่ลำคอ และโน้มตัวลงมอบจูบที่อ่อนโยน
เคนชินปลดกระดุมเครื่องแบบปุณณ์ออกทีละเม็ดอย่างช้าๆ สายตาของเขามองลึกเข้ามาในดวงตาของปุณณ์ ราวกับจะซึมซับความรู้สึกทั้งหมดของคนรัก ปุณณ์สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวเคนชิน การกระทำที่ค่อยเป็นค่อยไปนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ เครื่องแบบที่เคยเป็นเหมือนเกราะป้องกันและความกดดัน ค่อยๆ ถูกปลดออกไปทีละชิ้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่บอบบางกว่าภายใต้ชุดตำรวจ
"เหนื่อยมากใช่ไหม?" เคนชินกระซิบเสียงแผ่ว พลางประคองใบหน้าของปุณณ์ขึ้นมาจูบซับเบาๆ ที่หน้าผาก "ให้ฉันช่วยให้นายผ่อนคลายนะ"
ปุณณ์พยักหน้าช้าๆ ความหนักอึ้งในใจค่อยๆ คลายลงเมื่อเคนชินไล้ปลายนิ้วไปตามแนวสันกราม ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความปรารถนา ปุณณ์ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ ปล่อยให้ความหอมหวานเข้าครอบงำ สัมผัสจากเคนชินเหมือนเป็นยาวิเศษที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจที่เหนื่อยล้าของเขาได้เป็นอย่างดี
เคนชินค่อยๆ พาปุณณ์เอนกายลงบนเตียงนุ่ม มือหนาเริ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของปุณณ์อย่างอ่อนโยน สัมผัสร้อนผ่าวจากฝ่ามือของเคนชินทำให้ปุณณ์ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตของเคนชิน ลูบไล้แผงอกแข็งแกร่งภายใต้เสื้อที่ยังไม่ได้ปลดกระดุมทั้งหมด
"ฉันรู้ว่านายกังวล" เคนชินพูดเสียงทุ้ม ขณะที่ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกไปทีละเม็ด เผยให้เห็นมัดกล้ามหน้าท้องที่ซ่อนอยู่ใต้เครื่องแบบ "แต่นายไม่จำเป็นต้องแบกรับมันไว้คนเดียว"
ปุณณ์มองเคนชินด้วยดวงตาที่พร่าเลือนไปด้วยความปรารถนา "ขอบคุณนะ" เขาพูดเสียงแหบพร่า
เคนชินโน้มตัวลงมาจูบซับที่ซอกคอของปุณณ์อย่างช้าๆ ลิ้นร้อนไล้เลียไปตามผิวเนื้ออ่อนนุ่ม ก่อให้เกิดความซ่านเสียว ปุณณ์แอ่นคอรับสัมผัส มือของเคนชินเริ่มรุกคืบลงไปตามร่างกายของปุณณ์ สัมผัสผ่านเนื้อผ้าของกางเกงที่ยังไม่ได้ถอดออก จนมาถึงส่วนกลางลำที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการกระตุ้น
ปุณณ์ผวาเฮือกเมื่อเคนชินค่อยๆ รูดซิปกางเกงของเขาลงช้าๆ พลางใช้นิ้วหนาเคล้นคลึงไปที่ส่วนหัวของแกนกายที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงชั้นใน เนื้อแข็งขืนของมันเบียดเสียดกับนิ้วของเคนชิน "ให้ฉันจัดการความเครียดของนายเอง" เคนชินกระซิบถามเสียงพร่าหู
ปุณณ์พยักหน้าหอบเล็กน้อย ลมหายใจติดขัดไปหมดแล้ว ความปรารถนาเริ่มปะทุขึ้นจนร้อนรุ่มไปทั้งตัว "ครับ...เคนชิน...ได้โปรด" เขาตอบเสียงขาดห้วง
เคนชินยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปใต้กางเกงชั้นในของปุณณ์ ดึงรั้งแกนกายแข็งขืนออกมาจนสุดลำ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างรูดรั้งมันขึ้นลงอย่างช้าๆ เน้นย้ำไปที่ส่วนหัวบานแดง ปุณณ์บิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน เขาจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของเคนชินอย่างลืมตัว
"อ่า...เคนชิน...อื้อ..." เสียงครางต่ำเล็ดลอดจากลำคอของปุณณ์ เมื่อเคนชินก้มลงไปใช้ริมฝีปากครอบครองส่วนหัวของแกนกายร้อนผ่าว เลียวนวดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ อมเข้าไปจนมิดลำ ความอุ่นร้อนและชื้นแฉะในโพรงปากของเคนชินทำให้ปุณณ์เกร็งไปทั้งร่าง แรงดูดดึงและจังหวะที่เคนชินขยับหัวขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามลำแกนกายชัดเจน
"สีหน้าแบบนั้น... คงจะรู้สึกดีสินะ" เคนชินเงยหน้าขึ้นถาม ใบหน้าของเขาดูเย้ายวนนักยามที่ริมฝีปากยังคงเปรอะเปื้อนคราบน้ำลายใสๆ ปุณณ์พยักหน้าตอบอย่างเดียว เขายกสะโพกขึ้นเล็กน้อย เป็นการบอกให้เคนชินรู้ว่าเขาต้องการมากกว่านี้
เคนชินเข้าใจความหมายนั้นดี เขากดจูบไปที่ริมฝีปากของปุณณ์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะสอดนิ้วเรียวยาวเข้าไปในช่องทางด้านหลังของปุณณ์อย่างนุ่มนวล น้ำเสียงของเคนชินยังคงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ทำให้ปุณณ์ยอมจำนน
"ผ่อนคลายนะ...คนดี" เคนชินกระซิบ เมื่อนิ้วแรกผ่านเข้าสู่ช่องทางที่บีบรัด ปุณณ์เกร็งตัวเล็กน้อย แต่ความต้องการที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขายอมรับสัมผัสที่รุกล้ำนั้น เคนชินขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ เพิ่มจำนวนนิ้วตามไปอย่างใจเย็น จนกระทั่งช่องทางเริ่มคลายตัว
เมื่อรู้สึกว่าปุณณ์พร้อมแล้ว เคนชินก็ถอนนิ้วออก ก่อนจะจัดท่าให้ปุณณ์นอนคว่ำหน้าลงกับเตียง พลางขยับกายขึ้นมาอยู่บนร่างของปุณณ์ เขาก้มลงจูบซับที่ต้นคอของปุณณ์ ก่อนจะยกสะโพกขึ้นช้าๆ แล้วค่อยๆ จ่อปลายแกนกายใหญ่และแข็งขืนของตัวเองไปที่ช่องทางด้านหลังที่เตรียมพร้อมแล้ว
ปุณณ์หายใจหอบถี่ รู้สึกถึงความตึงเปรี๊ยะที่ช่องทางเมื่อปลายแกนกายของเคนชินค่อยๆ ดันเข้ามาอย่างช้าๆ เคนชินขยับสะโพกเบาๆ กดดันเข้าไปทีละน้อย จนกระทั่งส่วนหัวของแกนกายผ่านเข้าไปได้ทั้งหมด ปุณณ์กัดริมฝีปาก กลั้นเสียงครางอย่างอดทน "เจ็บไหม?" เคนชินถามเสียงแผ่ว พลางหยุดค้างไว้ ให้ปุณณ์ได้ปรับตัว
ปุณณ์ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่...ไม่เจ็บแล้ว" เขาตอบ ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มจางหายไป เหลือแต่ความอัดแน่นที่แสนอึดอัดแต่ก็ยั่วเย้า
เคนชินยิ้ม ก่อนจะกดดันแกนกายของเขาเข้าไปในตัวปุณณ์จนสุดลำ ปุณณ์เกร็งตัวแอ่นหลังขึ้นเล็กน้อย ช่องทางด้านหลังบีบรัดแกนกายของเคนชินแน่นหนา สัมผัสอุ่นร้อนและชื้นแฉะที่โอบล้อมรอบแกนกายของเขาช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม
"นายแข็งแรงมาก...ปุณณ์" เคนชินกระซิบที่ข้างหูของปุณณ์ ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ อย่างสม่ำเสมอในจังหวะแรกๆ เคนชินเน้นย้ำที่การเสียดสีและการกดคลึงไปตามจุดกระตุ้นภายในร่างกายของปุณณ์ ปุณณ์ครางฮือในลำคอ เสียงเนื้อกระทบกันดังกุกกักเป็นจังหวะเร่งเร้า
จังหวะการขยับของเคนชินเริ่มรุนแรงขึ้นและเร็วขึ้น เขาขยับสะโพกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แกนกายของเขากระแทกกระทั้นเข้าสู่จุดที่ลึกที่สุดของปุณณ์อย่างต่อเนื่อง ปุณณ์จิกมือลงบนผ้าปูที่นอนแน่น ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกจากเคนชินอย่างไม่รู้ตัว
"อื้อ...เคนชิน...แรงอีก...อ๊า!" ปุณณ์ครางอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงหอบหายใจดังระงมไปทั่วห้อง เคนชินเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังประสานกันเป็นจังหวะเร้าอารมณ์ เขาใช้มือข้างหนึ่งจับสะโพกของปุณณ์ไว้แน่น เพื่อตรึงให้ปุณณ์ได้รับแรงกระแทกจากเขาอย่างเต็มที่
"นายดีที่สุด...ปุณณ์...อ่า..." เคนชินครางอย่างพอใจ ก่อนจะกดแกนกายเข้าไปลึกอีกครั้งหนึ่ง ปุณณ์เกร็งตัว สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่กำลังจะพุ่งพล่านออกมาจากร่าง เขารู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยจากความเครียดและความกดดันทั้งหมด ความรู้สึกสุขสมเข้าแทนที่
ในที่สุด ทั้งคู่ก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน ปุณณ์ครางเสียงดังลั่นเมื่อน้ำอสุจิอุ่นร้อนพุ่งทะลักออกมาจากส่วนปลายของเขา และสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเขาจากเคนชิน ร่างกายของทั้งคู่สั่นสะท้านไปด้วยความสุขสมที่ถาโถมเข้ามา
เคนชินทิ้งตัวลงนอนบนแผ่นหลังของปุณณ์อย่างอ่อนแรง ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงข้าง กอดปุณณ์เข้ามาแนบชิด ร่างกายของทั้งคู่ยังคงเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อและความเร่าร้อน แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"นายเก่งมาก...ปุณณ์" เคนชินกระซิบที่ข้างหู พลางจูบซับเบาๆ ที่ขมับของปุณณ์ ปุณณ์หลับตาพริ้ม ซบหน้าลงกับอกแกร่งของเคนชิน สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของคนรักที่ยังคงเต้นระรัว "ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย...ขอบคุณนะเคนชิน" เขาตอบเสียงแผ่ว ความเหนื่อยล้าทางกายเข้าแทนที่ แต่จิตใจกลับสงบและผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ
ที่นี่คือ "บ้าน" ของเขาจริงๆ ไม่ว่าภารกิจจะหนักหนาแค่ไหน ไม่ว่าความกดดันจะมากมายเพียงใด เขาก็มีที่พักใจที่ปลอดภัยแห่งนี้เสมอ และมีเคนชินอยู่เคียงข้าง