หนึ่งปีเต็มๆ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในโตเกียวที่กลุ่ม "ใต้เครื่องแบบ" ได้ร่วมกันกอบกู้สถานการณ์ระดับชาติ วันนี้ "ใต้เบาะสาขาโตเกียว" ทั้งหมดแปดคนกำลังจะเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อพักร้อนครั้งใหญ่ เป็นการกลับมารวมตัวครั้งประวัติศาสตร์ของครอบครัวที่ไร้พรมแดน
เสียงจอแจภายในสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของกลุ่มที่มารอรับลดลงเลยแม้แต่น้อย ทีมไทยทั้งแปดคน — ไท ในเสื้อยืดสีดำทะมัดทะแมงพร้อมกับ กันต์ ที่ยิ้มร่าอยู่ข้างๆ, ต้า กับแววตาเจ้าเล่ห์แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น, บอส ที่ยืนกอดอกดูเป็นพี่ใหญ่, คิม ที่ดูเท่แบบสบายๆ, เนย์ กับกล้องคู่ใจที่พร้อมบันทึกทุกโมเมนต์, อากิระ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส และ คาซึยะ ที่ดูสุขุมแต่แววตาเป็นประกาย — ทุกคนยืนรออยู่ที่ประตูขาออกด้วยความใจจดใจจ่อ
ไม่นานนักร่างคุ้นตาของ ปุณณ์ ก็ก้าวออกมาจากประตู ตามมาด้วย เคนชิน ที่ยืนสง่าอยู่ข้างกาย ตามด้วย เรียว และ ฮารุ ที่โบกมือหยอยๆ ด้วยความลิงโลด และสมาชิกใหม่อย่าง ยูคิ, มาซากิ, เอย์จิ และปิดท้ายด้วย เชฟนนท์ ที่ดูใจดีเหมือนเดิม
ทันทีที่เห็นหน้ากัน เสียงโห่ร้องและเสียงเรียกชื่อก็ดังขึ้นลั่นโถงสนามบิน
"ไอ้ปุณณ์!" ต้าตะโกนลั่น ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดปุณณ์แน่นอย่างไม่รอช้า ไทกับกันต์เดินเข้าไปโอบกอดเคนชินและปุณณ์ด้วยความคิดถึง
"คิดถึงพวกนายจะแย่เลย!" บอสกล่าวพลางตบหลังเรียวอย่างแรงจนเรียวเซเล็กน้อย เรียวหัวเราะร่า
ฮารุโผเข้ากอดคิมและเนย์อย่างสนิทสนม "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ!" ยูคิและมาซากิที่ยังดูเขินๆ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากอากิระและคาซึยะ เชฟนนท์ยิ้มกว้าง ก่อนจะจับมือไทและเคนชินอย่างเป็นมิตร
บรรยากาศเต็มไปด้วยการกอดคอที่เต็มไปด้วยความคิดถึง การแซวกันอย่างไม่ขาดสาย และเสียงหัวเราะที่ดังก้องไปทั่ว แสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ทุกคนย้ายกองทัพจากสนามบินมาที่อู่ซ่อมรถของกันต์ ซึ่งเป็นเหมือน "จุดเริ่มต้น" ของทุกสิ่งสำหรับกลุ่ม "ใต้เบาะ" แห่งนี้
ภายในอู่ที่คุ้นเคย เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันเครื่องและยางรถยนต์ที่ปะปนกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารที่กันต์เตรียมไว้สำหรับงานปาร์ตี้ต้อนรับ ทุกคนวางกระเป๋าเดินทางลง ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ อย่างสนใจ สมาชิกทีมโตเกียวต่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่แตกต่างจากญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง
การรำลึกความหลังเริ่มต้นขึ้น คิมเล่าเรื่องเก่าๆ สมัยที่ปุณณ์ยังทำงานที่นี่ เนย์เปิดอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่เขาเคยถ่ายไว้ให้ทุกคนดู ต้ากับบอสเล่าเรื่องวุ่นๆ ของพวกเขาที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา
"ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้" ปุณณ์กล่าวพลางมองไปรอบๆ อู่ด้วยรอยยิ้ม "จากคนแปลกหน้า กลายเป็น...ครอบครัว"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากสายใยแห่งมิตรภาพทำให้หัวใจของทุกคนพองโต
ในระหว่างปาร์ตี้ต้อนรับที่กำลังดำเนินไปอย่างออกรส บอส ที่ดื่มไปได้ที่แล้ว ก็เอ่ยปากท้าทายขึ้นมาอย่างขี้เล่น "ไหนๆ ก็มากันครบแล้ว มาพิสูจน์กันหน่อยเป็นไง ว่าฝีมือของสาขาหลักกับสาขาโตเกียว ใครจะเจ๋งกว่ากัน!" บอสกล่าวพลางมองไปที่เคนชินและทีมโตเกียวด้วยแววตาขี้เล่น
ต้า สนับสนุนทันที "เออ! เห็นด้วย! มาแข่งกันหน่อยดิ๊! มีตั้งหลายอย่างให้ประลองฝีมือ!"
คำท้าทายนั้นจุดประกายความตื่นเต้นให้กับทุกคน เคนชิน ยิ้มมุมปากเล็กน้อย "น่าสนใจ" เรียวกับฮารุยิ้มร่า ยูคิกับมาซากิดูจะตื่นเต้นกับแนวคิดใหม่ๆ นี้ ส่วนเอย์จิก็หยิบกล้องขึ้นมาเตรียมพร้อม
และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ "สงคราม(รัก)ข้ามชาติ" อย่างเป็นทางการ การแข่งขันฉันมิตรสุดป่วนที่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อชัยชนะ แต่เพื่อเฉลิมฉลองสายใยที่ไม่มีวันตัดขาดของครอบครัว "ใต้เบาะ"
วันรุ่งขึ้น ทุกคนเดินทางมาถึงสนามแข่งรถที่ต้าจัดการไว้สำหรับศึกแรก เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องไปทั่วบริเวณ รถ Big Bike หลากหลายรุ่นจอดเรียงรายอยู่ข้างสนาม
อากิระ ในฐานะเจ้าของสนามและผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์ไซค์ ได้รับเกียรติเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ในการแข่งขัน "จิมคาน่า" ซึ่งเป็นการแข่งขันขี่รถซิกแซกผ่านกรวยและสิ่งกีดขวางที่เน้นทักษะการควบคุมรถ ความคล่องตัว และความเร็ว
"กติกาคือห้ามชนกรวย ห้ามออกนอกเส้นทาง ใครทำเวลาได้ดีที่สุด ชนะ!" อากิระอธิบายพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด ไท ขี่ Honda CB650R ของเขาโชว์ความพลิ้วไหวในทุกทางโค้ง เคนชิน บน Yamaha MT-09 ก็ไม่แพ้กัน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูมั่นคงและแม่นยำ ปุณณ์เองก็โชว์ทักษะที่พัฒนาขึ้นมากกับ Kawasaki Z650 ของเขา เรียวกับฮารุผลัดกันโชว์ลีลาการเข้าโค้งแบบฝาแฝด สร้างเสียงโห่ร้องให้กับเพื่อนๆ ยูคิโชว์ความคล่องตัวกับ Honda Rebel 500 ของเขา ส่วนมาซากิก็ดูจะสนุกกับการควบคุม Honda CB1100EX คันใหม่ของเขาอย่างที่สุด
บรรยากาศเต็มไปด้วยการขับเคี่ยวที่สนุกสนาน การแกล้งกันไปมา และเสียงหัวเราะที่ดังก้องไปทั่วสนาม บางครั้งก็มีเสียงแซว "ระวังจะล้มนะคุณตำรวจโตเกียว!" หรือ "อย่าให้แพ้คนไทยนะเว้ย!" ซึ่งสร้างสีสันให้กับสนามแข่งเป็นอย่างมาก
เอย์จิยืนอยู่ข้างสนาม มือถือกล้องคู่ใจ บันทึกภาพทุกอิริยาบถ ทุกแววตา และทุกรอยยิ้มของทุกคน เขาดูมีความสุขกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์เหล่านี้ แม้จะไม่ได้ลงแข่งด้วยตัวเอง
หลังจากการแข่งขันที่สนามแข่งรถ ทุกคนย้ายกองมาที่บ้านของต้า ซึ่งมีครัวขนาดใหญ่ที่พร้อมสำหรับการประลองฝีมือในยกถัดไป
กิจกรรมในยกนี้คือ "การแข่งขันทำอาหารในโจทย์ 'เมนูปลุกกำหนัด'" โดยมี เชฟนนท์ เป็นตัวแทนทีมนานาชาติ และ กันต์ เป็นตัวแทนทีมไทย
"เอาล่ะครับ! กติกาคือใครทำเมนูที่ 'เร่าร้อน' ที่สุด...ชนะ!" ต้าประกาศกติกาด้วยรอยยิ้มกริ่ม สมาชิกคนอื่นๆ ต่างเป็นลูกมือและกรรมการตัดสิน
เชฟนนท์เริ่มลงมืออย่างคล่องแคล่ว มือของเขาพลิกตะหลิวและจัดเตรียมวัตถุดิบอย่างเชี่ยวชาญ เขากำลังรังสรรค์เมนูที่ดูเย้ายวนน่าลิ้มลอง ขณะที่ยูคิและมาซากิช่วยเตรียมส่วนผสม ฮารุกับเรียวก็คอยชิมและส่งเสียงแซวตลอดเวลา
ฝั่งกันต์ก็ไม่ยอมแพ้ เขาแสดงฝีมือการทำอาหารไทยที่สืบทอดมาจากครอบครัว ไทกับปุณณ์คอยช่วยส่งวัตถุดิบและให้กำลังใจ บอสกับคิมก็คอยสร้างความปั่นป่วนด้วยการแอบชิมบ้าง แอบหยอกล้อบ้าง
กลิ่นหอมของอาหารฟุ้งไปทั่วครัว เสียงกระทะดังฉ่าๆ ผสมกับเสียงหัวเราะและบทสนทนาที่สนุกสนาน ทุกคนดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่านี่คือการแข่งขัน เพราะความสนุกและความสุขของการได้ทำกิจกรรมร่วมกันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อถึงเวลาชิม ทุกคนต่างลงคะแนนให้กับเมนูที่ "เร่าร้อน" ที่สุดด้วยรอยยิ้มและเสียงวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยความทะลึ่ง
ค่ำคืนนั้น การแข่งขันรอบตัดสินที่ทะลึ่งที่สุดก็เริ่มต้นขึ้นที่ยิมของต้า แสงไฟสลัวๆ บรรยากาศดูจะจริงจังแต่ก็แฝงไว้ด้วยความขี้เล่น
สมาชิกทุกคน (ยกเว้นเชฟนนท์ที่อาจจะเป็นผู้บรรยายเกม) สวมฟุนโดชิ ที่เป็นเหมือน "ธง" ประจำตัวของแต่ละคน ฟุนโดชิที่แต่ละคนเลือกนั้นมีสีสันและลวดลายที่บ่งบอกความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน
เชฟนนท์ยืนอยู่กลางวง เขาไม่สวมฟุนโดชิ "กติกาในรอบนี้ง่ายๆ ครับ" เชฟนนท์อธิบายด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ต้องใช้เสน่ห์และชั้นเชิงทุกรูปแบบเพื่อ 'ปลด' ฟุนโดชิของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ใครเหลือฟุนโดชิเป็นคนสุดท้าย...ชนะ! แต่ถ้าใครปลดของคนอื่นได้...จะได้แต้มพิเศษ!"
เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนหัวเราะด้วยความตื่นเต้น บางคนก็เริ่มมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างโกลาหล ทุกคนต่างพุ่งเข้าหากันอย่างสนุกสนาน บางคนก็พยายามหลบหลีก บางคนก็พยายามรุกเข้าหา ไทกับเคนชินดูจริงจังที่สุด พวกเขากลยุทธ์และพยายามปลดฟุนโดชิของฝ่ายตรงข้ามอย่างตั้งใจ ปุณณ์กับกันต์ก็ไม่แพ้กัน พวกเขาใช้ความคล่องตัวและทักษะเฉพาะตัวในการหลบหลีกและจู่โจม เรียวกับฮารุใช้ความขี้เล่นของพวกเขาในการกอดรัดฟัดเหวี่ยงและพยายามปลดฟุนโดชิของอีกฝ่าย ยูคิกับมาซากิที่ยังดูเขินๆ ก็เริ่มปรับตัวและเข้าร่วมอย่างสนุกสนาน
เสียงหัวเราะ เสียงหอบหายใจ และเสียงกระทบกันของร่างกายเปลือยเปล่าดังระงมไปทั่ว มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชัยชนะอีกต่อไป แต่เป็นเพียงข้ออ้างของการได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดและปลดปล่อยความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายใน
การแข่งขันนี้ค่อยๆ ทลายกำแพงระหว่างทีมและแปรเปลี่ยนเป็นความโกลาหลที่นำไปสู่ไคลแมกซ์สุดท้าย...
"ศึกชิงฟุนโดชิ" ได้ละลายเส้นแบ่งของทีมลงโดยสิ้นเชิง ฟุนโดชิหลายชิ้นถูกปลดออกจากร่างกายของทุกคนกองอยู่บนพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่พลุ่งพล่าน การแข่งขันได้แปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนที่ควบคุมไม่ได้ และนำไปสู่ "Orgy รวมญาติ 16 คน" ครั้งประวัติศาสตร์ มันคือซิมโฟนีแห่งความปรารถนาที่ทุกคนคือส่วนหนึ่งของกันและกัน
ไม่มีการแข่งขันอีกต่อไป มีเพียงการเฉลิมฉลอง, การแสดงความรัก, และการหลอมรวมเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
เสียงครางดังระงมไปทั่วทั้งยิมของต้า!
ปุณณ์ถูกเคนชินดึงเข้าไปจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง ไทโอบกอดกันต์ไว้แน่นจากด้านหลัง พลางไล้ปลายนิ้วไปตามแผงอกของกันต์อย่างยั่วยวน เรียวกับฮารุเข้ามาคลอเคลียกันเอง ยูคิเดินเข้าไปหาเชฟนนท์ เขากอดเชฟนนท์จากด้านหลังอย่างสนิทสนม มาซากิยืนมองอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เอย์จิจะเดินเข้ามาจับมือเขาเบาๆ
ความโกลาหลแห่งความสุขเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง ทุกคนต่างพุ่งเข้าหาคนที่ตัวเองปรารถนา หรือคนที่อยู่ใกล้ที่สุด ไม่มีกฎเกณฑ์ มีแต่ความเร่าร้อนที่นำทาง
ไท ในฐานะผู้นำกลุ่มไทย พุ่งเข้าใส่ ปุณณ์ ทันที เขาจับปุณณ์กดลงกับพื้น ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบอย่างเร่าร้อน สอดแกนกายที่แข็งขืนของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของปุณณ์อย่างรวดเร็วและหนักหน่วง "อ๊า! ปุณณ์! คิดถึงนายจะแย่!" ปุณณ์ครางตอบรับด้วยความเสียวซ่านที่คุ้นเคย
เคนชิน เมื่อเห็นปุณณ์ถูกไทครอบครอง ก็ไม่ได้หวงแหน เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหา กันต์ ที่กำลังนอนหอบอยู่ข้างๆ กันต์รู้สึกได้ถึงเงาที่ทาบทับ ก่อนที่เคนชินจะโน้มตัวลงมาจูบอย่างดูดดื่ม แล้วสอดแกนกายของเขาเข้าไปในช่องทางด้านหลังของกันต์อย่างเชื่องช้า แต่ลึกซึ้ง "นายเป็นของฉันคืนนี้...กันต์" เคนชินกระซิบ
เรียว กับ ฮารุ เมื่อเห็นเพื่อนซี้อย่างปุณณ์กับกันต์ถูกรุกหนัก ก็ยิ่งคึกคัก เรียวพุ่งเข้าใส่ คิม ทันที เขาจับคิมพลิกตัว แล้วสอดแกนกายของเขาเข้าไปในช่องทางด้านหลังของคิมอย่างดุดัน "มาสิคิม! มาสนุกกัน!" คิมครางลั่นด้วยความประหลาดใจระคนสุขสม ฮารุเองก็ไม่น้อยหน้า เขากระโจนเข้าใส่ บอส ที่กำลังยืนอยู่ ก่อนจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงแล้วโน้มตัวลงไปดูดเลียแกนกายของบอสอย่างเร่าร้อน บอสครางต่ำด้วยความพอใจ
ต้า กับ เนย์ เองก็ไม่ได้นิ่งเฉย ต้าจับเนย์กดลงกับพื้น ยิ้มเจ้าเล่ห์ "ไหนลองมาพิสูจน์ฝีมือกันหน่อยสิ!" ก่อนจะใช้ปากครอบครองแกนกายของเนย์อย่างดูดดื่ม เนย์ครางเสียงหลง
เชฟนนท์ ที่ดูสุขุมที่สุด กลับเป็นคนนำวงจรแห่งความปรารถนาที่ซับซ้อน เชฟนนท์ เดินเข้าไปด้านหลัง ยูคิ ที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่ เขาโอบกอดยูคิจากด้านหลัง แล้วค่อยๆ สอดแกนกายของเขาเข้าไปในช่องทางด้านหลังของยูคิอย่างเชื่องช้า ยูคิสะท้านเฮือก "เชฟ...อ๊า!"
มาซากิ ที่ยังคงยืนเคียงข้าง เอย์จิ ที่มือยังคงถือกล้องอยู่ ก็ถูกดึงเข้าสู่ใจกลางของความโกลาหล เอย์จิเก็บกล้อง ก่อนที่ มาซากิ จะโน้มตัวลงไปใช้ปากครอบครองแกนกายของ อากิระ ที่กำลังครางจากสัมผัสของคาซึยะอยู่ใกล้ๆ อากิระครางต่ำด้วยความประหลาดใจแต่ก็สุขสม คาซึยะ เองก็ไม่ได้รอช้า เขาโน้มตัวลงไปดูดเลียส่วนปลายของแกนกายของเอย์จิอย่างเร่าร้อน
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือความโกลาหลที่งดงามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ร่างกายเปลือยเปล่าทั้งสิบหกคนพันเกี่ยวกันอย่างอิสระและเร่าร้อนราวกับงานศิลปะที่มีชีวิต ทุกคนต่างเป็นทั้งผู้รุกและผู้รับในเวลาเดียวกัน เสียงครางดังระงมไปทั่วทั้งยิม เสียงเนื้อกระทบกันดังกุกกักเป็นจังหวะที่ซับซ้อนราวกับซิมโฟนีแห่งความปรารถนา กลิ่นอายของเหงื่อและความใคร่ปะปนกับกลิ่นสาบเฉพาะตัวของชายชาตรี
การหมุนเวียนของร่างกายดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคนล้วนลิ้มรสความสุขจากหลากหลายสัมผัส
ไท ที่กำลังกระแทกกระทั้นปุณณ์อยู่ก็เหลือบเห็น ต้า ที่กำลังดูดเลียแกนกายของเนย์อยู่ ไทถอนแกนกายออกจากปุณณ์อย่างรวดเร็ว "ต้า! มานี่เลย!" ไทเรียกพลางดึงต้าเข้ามาหาอย่างแรง ปุณณ์ที่ถูกทิ้งไว้ก็รู้สึกโหวงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดเคืองอะไร
ไทจับต้าให้พลิกตัวหันหลัง ก่อนจะสอดแกนกายที่แข็งขืนของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของต้าอย่างดุดัน ต้าครางลั่นด้วยความประหลาดใจระคนสุขสม "อื้อ...ไท! นี่มันอะไรกัน!" ไทกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง เน้นย้ำความเป็นผู้นำที่ดุดันของเขา
ขณะเดียวกัน เคนชิน ที่กำลังสอดประสานกับกันต์อยู่ ก็เหลือบเห็น บอส ที่กำลังถูกฮารุดูดเลียแกนกายอยู่ เคนชินถอนแกนกายออกจากกันต์อย่างนุ่มนวล "กันต์...รอฉันแป๊บนะ" กันต์พยักหน้าเล็กน้อย
เคนชินเดินเข้าไปหาบอส เขาสอดแกนกายของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของบอสอย่างเชื่องช้า บอสสะท้านไปทั้งร่าง "เคนชิน! นายด้วยเหรอ!" บอสกล่าวพลางหัวเราะด้วยความตื่นเต้น เคนชินเริ่มขยับสะโพกในตัวบอสอย่างควบคุมแต่หนักแน่น ฮารุยังคงดูดเลียแกนกายของบอสต่อไป
ปุณณ์ ที่ตอนนี้ว่างอยู่ ก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาเดินเข้าไปหา เนย์ ที่กำลังนอนหอบอยู่หลังจากถูกต้าปรนเปรอ ปุณณ์โน้มตัวลงไปใช้ปากครอบครองแกนกายของเนย์อย่างดูดดื่ม เนย์สะท้านเฮือก "ปุณณ์! อื้อ!" เนย์ครางด้วยความสุขสมที่แตกต่าง
กันต์ ที่ถูกเคนชินผละจากไป ก็เดินตรงเข้าไปหา คิม ที่กำลังถูกเรียวสอดประสานอยู่ กันต์ก้มลงไปใช้ปากครอบครองแกนกายของเรียวอย่างดูดดื่ม เรียวครางต่ำด้วยความพอใจ "กันต์! มาช่วยฉันหน่อย!" กันต์รับคำก่อนจะดูดดึงแกนกายของเรียวอย่างเร่าร้อน
เชฟนนท์ ที่กำลังสอดประสานกับยูคิอยู่ ก็เหลือบเห็น มาซากิ ที่กำลังถูกอากิระและเอย์จิปรนเปรออยู่ เชฟนนท์ถอนแกนกายออกจากยูคิ "ยูคิ...นายดูแลตัวเองก่อนนะ"
เชฟนนท์เดินเข้าไปหามาซากิ เขาสอดแกนกายของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของมาซากิอย่างดุดัน มาซากิครางลั่นด้วยความประหลาดใจระคนสุขสม เอย์จิกับอากิระที่เห็นเชฟนนท์เข้าร่วมก็ยิ่งคึกคัก พวกเขาสลับกันดูดเลียและกระตุ้นมาซากิอย่างไม่หยุดยั้ง
ยูคิที่ว่างอยู่ก็เดินเข้าไปหา คาซึยะ ที่ยังคงถูกเอย์จิปรนเปรออยู่ ยูคิโน้มตัวลงไปใช้ปากครอบครองแกนกายของคาซึยะอย่างดูดดื่ม คาซึยะครางต่ำด้วยความพอใจ
ความวุ่นวายแห่งความสุขดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคนล้วนได้ลิ้มรสความสุขจากหลากหลายสัมผัสและตำแหน่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปมา
ทุกคนรู้สึกถึงความสุขที่พลุ่งพล่านขึ้นถึงขีดสุด ไม่ว่าจะอยู่ในท่าไหน หรือกำลังมีเพศสัมพันธ์กับใคร ความสุขนั้นได้เชื่อมโยงทุกคนเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่คือจุดสูงสุดของความสัมพันธ์ในซีรีส์...การหลอมรวมของทุกร่างกายและทุกหัวใจ
ในที่สุด เสียงครางดังสนั่นไปทั่วทั้งยิม เมื่อทุกคนปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กันอย่างบ้าคลั่ง!
น้ำอสุจิอุ่นร้อนพุ่งทะลักออกมาจากแกนกายของทุกคน ราวกับน้ำพุแห่งความสุข ปุณณ์รู้สึกถึงความร้อนผ่าวจากไทที่พุ่งเข้ามาในตัวเขา ไทเองก็ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ น้ำอสุจิบางส่วนพุ่งใส่แผงอกและใบหน้าของปุณณ์ เคนชินก็ปลดปล่อยออกมาในตัวกันต์อย่างท่วมท้น กันต์แอ่นตัวรับน้ำรักของเคนชินอย่างเต็มที่ เรียวฉีดน้ำรักใส่คิมจนเปรอะเปื้อนหน้าท้อง คิมครางต่ำด้วยความสุขสม ฮารุปลดปล่อยใส่บอสจนเปรอะเปื้อนใบหน้า บอสเลียซับน้ำรักนั้นด้วยความพอใจ ต้าปลดปล่อยในปากของเนย์อย่างเต็มที่ เนย์รับน้ำรักนั้นไว้ด้วยความเต็มใจ เชฟนนท์ปลดปล่อยออกมาในตัวยูคิอย่างท่วมท้น ยูคิแอ่นตัวรับสัมผัสนั้น มาซากิปลดปล่อยใส่แกนกายของอากิระอย่างเต็มที่ อากิระครางต่ำ เอย์จิก็ปลดปล่อยออกมาในปากของคาซึยะอย่างเต็มที่ คาซึยะรับน้ำรักนั้นไว้ด้วยความยินดี
ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้านไปด้วยความสุขสมที่ถาโถมเข้ามา เปื้อนเปรอะไปทั่วร่างกายและพื้นยิมของต้า ด้วยหยาดเหงื่อและคราบน้ำอสุจิที่บ่งบอกถึงการปลดปล่อยที่สมบูรณ์แบบ
หลังความเร่าร้อนสงบลง ทุกคนนอนหมดแรงกองรวมกันอยู่บนพื้นยิม ร่างกายที่เปลือยเปล่าคลุกเคล้าไปด้วยคราบเหงื่อและกลิ่นอายแห่งความปรารถนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงบที่เปี่ยมสุข เป็นช่วงเวลาของการพูดคุยที่ลึกซึ้งและซาบซึ้ง
แล้วบทจูบและทำความสะอาดก็เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างผลัดกันจูบและเลียทำความสะอาดร่างกายของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
ไทโน้มตัวลงจูบซับน้ำรักที่เปรอะเปื้อนแผงอกและใบหน้าของปุณณ์อย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนเลียซับทุกหยาดหยดอย่างพิถีพิถัน ปุณณ์หลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้น เคนชินจูบลงบนริมฝีปากของกันต์อย่างดูดดื่ม พลางใช้ลิ้นเลียซับน้ำรักที่ยังคงเปื้อนอยู่ที่โคนขาของกันต์ กันต์ครางต่ำด้วยความพอใจ เรียวก้มลงไปเลียซับน้ำรักบนหน้าท้องของคิม คิมยิ้มกว้างรับสัมผัสนั้น ฮารุโน้มตัวลงไปจูบซับน้ำรักที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของบอส บอสหัวเราะเบาๆ ต้าจูบและเลียซับน้ำรักในปากของเนย์อย่างช้าๆ เนย์เองก็เลียตอบต้าด้วยความรู้สึกขอบคุณ เชฟนนท์ใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดน้ำรักที่ไหลซึมออกมาจากช่องทางด้านหลังของยูคิอย่างอ่อนโยน ยูคิสะท้านไปทั้งตัว มาซากิก็เข้ามาช่วยเลียทำความสะอาดอากิระที่ยังคงนอนหอบอยู่ เอย์จิกับคาซึยะเองก็สลับกันจูบและเลียซับน้ำรักที่เปรอะเปื้อนร่างกายของกันและกัน
ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความผูกพัน และความเข้าใจ มันคือการยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย แต่เป็นเรื่องของจิตใจที่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง
บทสนทนาสำคัญ:
ไทมองไปรอบๆ สายตากวาดไปที่ใบหน้าของทุกคนที่ยังคงหลับตาพริ้มด้วยความสุข เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึก "ดูพวกเราตอนนี้สิ... จากกลุ่มคนแปลกหน้า กลายเป็นครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงวะ"
ปุณณ์ที่นอนซบอยู่กับเคนชิน ลืมตาขึ้นช้าๆ "ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้ได้... เหมือนฝันเลยครับ" เขาหันไปมองเคนชิน "ขอบคุณนะเคนชิน... ขอบคุณทุกคน"
เคนชินจูบลงบนหน้าผากของปุณณ์เบาๆ "นายคือบ้านของฉันนะปุณณ์... และพวกเราทุกคนคือครอบครัว"
กันต์ยิ้ม "มันคือ 'ใต้หลังคาเดียวกัน' อย่างแท้จริงเลยนะ" เขากล่าวพลางมองไปที่ต้าและบอส
ต้าหัวเราะเบาๆ "ถึงแม้จะวุ่นวายไปหน่อย แต่ก็เป็นครอบครัวที่โคตรมีความสุขเลย"
เนย์ซึ่งเพิ่งจะฟื้นตัวได้ก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมา "ขอชนแก้วให้กับมิตรภาพของเรา...และอนาคตที่สดใสของ 'ใต้เบาะ' ที่จะไม่มีวันสิ้นสุด!"
ทุกคนยกแก้วขึ้นชนกันเบาๆ เสียงแก้วกระทบกันดังกริ๊งเบาๆ เป็นการขอบคุณมิตรภาพและอนาคตของพวกเขา
ในวันสุดท้ายก่อนที่กลุ่มโตเกียวจะเดินทางกลับ ทุกคนมารวมตัวกันที่อู่ของกันต์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการปิดฉากเรื่องราวทั้งหมด
เนย์ ได้ตั้งกล้องถ่ายรูปพร้อมขาตั้งขึ้นที่กลางอู่ เขาตรวจสอบองค์ประกอบภาพอย่างพิถีพิถัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจราวกับกำลังสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก
"เอาล่ะทุกคน! พร้อมแล้วนะ!" เนย์ตะโกนบอก เขากดปุ่มตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ... แล้ววิ่งเข้าไปในเฟรมอย่างรวดเร็ว...
ภาพสุดท้ายของซีรีส์: สมาชิกทั้งหมด 16 คน ยืนกอดคอและหัวเราะให้กล้องด้วยกันอย่างมีความสุขที่สุด บางคนโอบไหล่ บางคนยิ้มกว้าง บางคนทำท่าทางสนุกสนาน เป็น "ภาพถ่ายครอบครัวใต้เบาะ" ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แสงแฟลชสว่างวาบขึ้น... บันทึกภาพแห่งความทรงจำและความผูกพันนี้ไว้...