สัปดาห์ต่อมา บรรยากาศในกรมตำรวจยังคงตึงเครียด แผนการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำถูกทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า สารวัตรซาโต้ยังคงยึดมั่นในแนวทางของเขาอย่างเหนียวแน่น ขณะที่ไทก็ยังคงพยายามชี้ให้เห็นถึงจุดบอดที่อาจนำไปสู่ภัยคุกคามที่ไม่คาดคิด
ปุณณ์เองก็รู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ซ่านไปทั่วหน่วยงาน แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เขานิ่งและเยือกเย็นขึ้นมาก เขาจมอยู่กับกองเอกสารและรายงานต่างๆ คอยตรวจสอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจถูกมองข้าม
แล้วมันก็เกิดขึ้น... ภัยคุกคามเล็กน้อยตามที่ไทคาดการณ์ไว้ แม้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความปั่นป่วนและสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของแผนการได้ไม่น้อย ผู้ก่อเหตุทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากปุณณ์
ปุณณ์ใช้ไหวพริบและสัญชาตญาณเฉียบคมของเขา ค่อยๆ เชื่อมโยงข้อมูลที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกัน เขากลับไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในยามวิกาล และในที่สุด... เขาต้องหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อพบเบาะแสสำคัญบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน มันเป็นเพียงร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มากพอที่จะนำไปสู่การไขปริศนาได้
"เคนชินครับ ผมเจออะไรบางอย่าง" ปุณณ์โทรศัพท์หาร่างสูงอย่างกระตือรือร้น "เราต้องการภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุที่ละเอียดและคมชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อวิเคราะห์ร่องรอยพวกนี้"
เคนชินพยักหน้ารับ เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของเบาะแสนี้ "ฉันรู้ว่าใครช่วยเราได้"
ไม่นานนัก เคนชินก็พาทุกคนมาที่สตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง มันเป็นสตูดิโอขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพทันสมัย แสงไฟสลัวๆ และกลิ่นอายของฟิล์มและน้ำยาเคมีลอยคละคลุ้ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขามีท่าทางเงียบขรึมและดูมีโลกส่วนตัวสูง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหลในศิลปะ
"เอย์จิ" เคนชินเอ่ยขึ้น "นี่คือสารวัตรไท คุณกันต์ และปุณณ์ เพื่อนร่วมงานของฉัน" ชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้น เขาคือ เอย์จิ ช่างภาพฟรีแลนซ์ฝีมือดีที่ยูคิเคยแนะนำให้รู้จัก ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่ก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย ปุณณ์อธิบายรายละเอียดของเบาะแสและลักษณะภาพถ่ายที่ต้องการ เอย์จิรับฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะพยักหน้าและเริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว เขามืออาชีพอย่างแท้จริง การทำงานของเขาเงียบเชียบและแม่นยำ ทุกช็อตที่กดชัตเตอร์เต็มไปด้วยความละเอียดและความพิถีพิถัน เอย์จิทำงานราวกับเขากำลังสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ไม่ใช่แค่การบันทึกภาพเพื่อการสืบสวน
เอย์จิปรากฏตัวพร้อมกับ Honda CL500 Scrambler คู่ใจของเขาที่จอดอยู่ด้านนอก รถของเขาถูกแต่งในสไตล์ที่แปลกตาและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้กันต์อดไม่ได้ที่จะสนใจ "สไตล์ดีนี่" กันต์เอ่ยชมสั้นๆ พลางมองสำรวจรถของเอย์จิ เอย์จิเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
ขณะที่เอย์จิกำลังจดจ่ออยู่กับการถ่ายภาพนั้น ปุณณ์ ไท เคนชิน และกันต์ ก็เดินมาที่ห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งในสตูดิโอ ซึ่งมีโซฟาตัวใหญ่และผ้าม่านหนาปิดบังแสงจากภายนอก
ไทเดินเข้าไปประชิดตัวปุณณ์ทันที เขาใช้มือโอบรอบเอวของปุณณ์ไว้แน่น ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู "ทำงานเครียดมาทั้งวันใช่ไหม" ปุณณ์พยักหน้าเบาๆ เขารู้สึกถึงความอ่อนล้าที่กำลังถูกปลดเปลื้องด้วยสัมผัสจากไท
เคนชินมองไปยังไทและปุณณ์ ก่อนจะหันมาหากันต์ "เรามาช่วยกันผ่อนคลายความเครียดให้พวกเขาดีไหมครับ" กันต์ยิ้ม "แน่นอนครับ"
ไม่นานนัก ทั้งสี่คนก็เปลือยเปล่าอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ของห้อง ทุกคนต่างปลดปล่อยความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาอย่างเต็มที่
เคนชินดึงปุณณ์เข้ามาแนบชิด เขาใช้ริมฝีปากดูดซับไปตามซอกคอและไหล่ของปุณณ์อย่างเร่าร้อน ปุณณ์เงยหน้าขึ้นรับสัมผัส มือของเขาลูบไล้ไปตามแผงอกแข็งแกร่งของเคนชิน
ไทโอบกอดกันต์ไว้แน่นจากด้านหลัง เขาใช้มือหนาเคล้นคลึงบั้นท้ายของกันต์อย่างแรง ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบซับที่ริมฝีปากของกันต์อย่างดูดดื่ม กันต์ครางต่ำด้วยความสุขสม
เคนชินจัดท่าให้ปุณณ์นั่งหันหลังพิงอกเขาในท่าคร่อม ก่อนที่เคนชินจะสอดแกนกายของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของปุณณ์อย่างเชื่องช้า ปุณณ์ครางออกมาด้วยความอัดแน่น "อื้อ...เคนชิน...แน่นจังเลย..." เคนชินเริ่มขยับสะโพกเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
ในขณะเดียวกัน ไทก็กดกันต์ลงไปนั่งบนโซฟา เขาสอดแกนกายที่แข็งขืนของตัวเองเข้าไปในช่องทางด้านหลังของกันต์อย่างช้าๆ กันต์สะท้านไปทั้งร่าง "อ๊า...ไท...ค่อยๆ สิครับ" แต่ก็ครางออกมาด้วยความพอใจเมื่อถูกเติมเต็มจากไท
ปุณณ์พลิกตัวหันหน้าเข้าหาเคนชิน เขาโอบกอดเคนชินไว้แน่น พลางบดเบียดร่างกายเข้าหากันอย่างเร่าร้อน เคนชินเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น "นายรับได้มากกว่านี้ใช่ไหมปุณณ์" เสียงเนื้อกระทบกันดังประสานไปกับเสียงครางของทั้งคู่
กันต์เองก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาไท เขาโอบรอบคอไทไว้แน่น พลางบดเบียดสะโพกเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง "อื้อ...แรงอีกไท...ผมต้องการคุณ!" ไทหัวเราะต่ำในลำคอ ก่อนจะเร่งจังหวะการสอดประสานให้หนักหน่วงขึ้น
บรรยากาศในห้องร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เสียงคราง เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงหอบหายใจของทั้งสี่คนดังระงมไปทั่ว มันเป็นการปลดปล่อยความเครียดจากงาน และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของสองคู่หลักให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในจังหวะนั้นเอง เอย์จิ ที่เพิ่งถ่ายภาพเสร็จ กำลังเดินเข้ามาในสตูดิโอเพื่อบอกว่างานเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องส่วนตัว เขาเห็นประตูเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย และได้ยินเสียงครางกับเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังเล็ดลอดออกมา
ด้วยความสงสัยและความเป็นศิลปินที่อยากรู้อยากเห็น เอย์จิไม่ได้เดินจากไป แต่กลับตัดสินใจแอบมองเข้าไป ภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้าทำให้เขาถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ ร่างกายเปลือยเปล่าของชายสี่คนกำลังพัวพันกันอย่างร้อนแรงภายใต้แสงไฟสลัวๆ ของห้อง มันไม่ใช่ภาพที่หยาบโลนในสายตาเขา แต่กลับเป็น "ภาพศิลปะที่มีชีวิต" ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ พลัง และความงดงามของสรีระที่กำลังปลดปล่อยตัวเองอย่างอิสระ
เอย์จิยืนนิ่งราวกับถูกสะกด เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ความอิสระและการปลดปล่อยอย่างจริงใจของทุกคนตรงหน้าได้กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างที่เขาเก็บซ่อนไว้ลึกที่สุดให้ตื่นขึ้นมา เขาเริ่มหายใจติดขัด หัวใจเต้นแรง และรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
เขาถอยกลับไปในมุมมืดของสตูดิโอที่ไม่มีใครเห็น แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองภาพในห้องนั้นอย่างไม่วางตา เอย์จิค่อยๆ เลื่อนมือลงไปที่เป้ากางเกงของตัวเองอย่างช้าๆ นิ้วเรียวยาวค่อยๆ เคล้นคลึงผ่านเนื้อผ้าที่บดบังส่วนกลางลำที่กำลังแข็งขืน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันในหัว แต่ความปรารถนาที่พลุ่งพล่านกลับเหนือกว่า เขาเริ่ม "ช่วยตัวเอง" ไปพร้อมๆ กับภาพและเสียงที่เขาได้เห็น เสียงครางของปุณณ์และกันต์ ผสมกับเสียงกระแทกกระทั้นของไทและเคนชิน ยิ่งเร่งเร้าอารมณ์ให้ถึงขีดสุด
ในจังหวะที่ทั้งสี่คนข้างในกำลังจะถึงจุดสุดยอด เคนชิน หรือ ไท ที่ช่างสังเกตที่สุด อาจจะเหลือบไปเห็นเงาของเอย์จิที่มุมห้องพอดี เกิดการสบตากันเพียงเสี้ยววินาทีที่เต็มไปด้วยความหมาย เคนชินหรือไทอาจจะแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างรู้ทัน ก่อนจะหันกลับไปสนใจกิจกรรมตรงหน้าต่อ
ในที่สุด ทุกคนในห้องก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน เสียงครางดังลั่นไปทั่วห้อง ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้านไปด้วยความสุขสมที่ถาโถมเข้ามา น้ำอสุจิอุ่นร้อนพุ่งทะลักออกมาจากแกนกายของทุกคน เปื้อนเปรอะไปทั่วร่างกายและบนโซฟา
ในขณะเดียวกันนั้น เอย์จิก็ถึงจุดสุดยอดของตัวเองในมุมมืดเช่นกัน เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปล่อยน้ำรักออกมาจนเปรอะเปื้อนมือและกางเกง
หลังความเร่าร้อนสงบลง ทุกคนในห้องก็นอนหอบอยู่บนโซฟา ร่างกายที่เปลือยเปล่าคลุกเคล้าไปด้วยคราบเหงื่อและกลิ่นอายแห่งความปรารถนา ไทเอื้อมมือไปโอบกอดกันต์เข้ามาแนบชิด ในขณะที่เคนชินดึงปุณณ์เข้าสู่อ้อมกอดของเขา
เอย์จิรีบจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วหนีออกจากสตูดิโอไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงความลับและความตึงเครียดที่ลอยอยู่ในอากาศระหว่างเขาและคนที่เห็นเขา