The Steel Riders: ซีซั่น 1 ตอนที่ 5: พลังที่ไร้ขีดจำกัด - บทสรุปซีซัน 1
แสงไฟนีออนในโชว์รูมบิ๊กไบค์ขนาดใหญ่สาดส่องลงบนร่างของชายหนุ่มทั้งหกคน บรรยากาศในวันนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความลับหรือความร้อนแรง แต่กลับอบอวลไปด้วยไออุ่นของมิตรภาพฉันพี่น้อง โค้ชดิน, สารวัตรแทน, ปีย์, ผู้กองเอ็ม, และ ภาคย์ กำลังยืนล้อมรอบ ธาม ที่กำลังลูบไล้รถบิ๊กไบค์คันใหม่เอี่ยมของเขาอย่างหลงใหล
"นายเหมาะกับรุ่นนี้... Kawasaki Z900" โค้ชดินพูดขึ้น พลางตบบ่าธามเบาๆ "มันมีทั้งความคล่องตัว ความแรง และความบ้าบิ่น เหมาะกับนักฟรีรันนิ่งอย่างนายที่สุด"
ธามยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณและความภาคภูมิใจ "ขอบคุณมากครับทุกคน... ขอบคุณจริงๆ"
หลังจากจัดการเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย ธามก็ขึ้นคร่อม Kawasaki Z900 ของเขาเป็นครั้งแรก เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงคำรามที่ดุดันของมันดังขึ้นราวกับเสียงประกาศอิสรภาพครั้งใหม่ในชีวิตของเขา ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เมื่อขบวนบิ๊กไบค์ 6 คันเคลื่อนตัวออกจากโชว์รูม นี่คือครั้งแรกที่ The Steel Riders ออกทริปพร้อมกันครบทีมอย่างเป็นทางการ ภาพของม้าเหล็กทั้งหกที่เรียงแถวกันอย่างสง่างามบนท้องถนน คือสัญลักษณ์ของพลังที่สมบูรณ์แบบของพวกเขา
"เครื่องร้อนกันรึยัง..." เสียงของโค้ชดินดังผ่านอินเตอร์คอมที่เชื่อมถึงกันทุกคน "คืนนี้... เราจะไปซิ่ง 'เส้นทางลับ' ที่สูงและท้าทายที่สุด"
เสียงตอบรับด้วยการบิดคันเร่งของสมาชิกอีกห้าคนดังกระหึ่มเป็นคำตอบ ขบวนรถมุ่งหน้าสู่ใจกลางมหานคร ปลายทางของพวกเขาคืออาคารจอดรถร้างสูงเสียดฟ้า ที่มีชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งรอคอยการมาเยือน เสียงเครื่องยนต์ทั้งหกดังสะท้อนก้องไปทั่วโครงสร้างคอนกรีต ขณะที่พวกเขาขี่วนขึ้นไปตามทางลาดชันของอาคารจอดรถชั้นแล้วชั้นเล่า ก่อนจะพุ่งทะยานออกสู่ชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งในที่สุด
ทันทีที่ล้อแตะพื้นคอนกรีตบนชั้นสูงสุด ลมเย็นๆ ของเมืองในยามค่ำคืนก็พัดมาปะทะร่างทันที เบื้องหน้าคือทิวทัศน์ของเมืองที่ส่องสว่างระยิบระยับราวกับดวงดาวนับล้านดวงบนพื้นโลก พวกเขาจอดรถบิ๊กไบค์ล้อมเป็นวงกลม แสงไฟจากหน้ารถส่องสว่างสร้างอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาขึ้นมากลางความมืด
"นี่แหละ... ทางลัดที่โคตร Extreme ของจริง" โค้ชดินประกาศก้อง พลางหันไปมองหน้าสมาชิกทั้งห้าคน แววตาของทุกคนลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาและความเป็นหนึ่งเดียวกัน
"คืนนี้... ไม่มีกฎเกณฑ์... ไม่มีขอบเขต... มีแค่พวกเราทั้งหกคน" สารวัตรแทนกล่าวเสริม ก่อนที่พายุแห่งตัณหาจะเริ่มต้นขึ้น
ปีย์ "ตัวจุดชนวน" ประจำกลุ่ม เคลื่อนไหวเป็นคนแรก เขามุ่งตรงไปยัง ผู้กองเอ็ม มือหนาของปีย์คว้าหมับเข้าที่เอวสอบแล้วกระชากร่างสูงโปร่งนั้นเข้ามาแนบชิด ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างหิวกระหาย ลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นของผู้กองเอ็มอย่างดุดัน ความปรารถนาอันดิบเถื่อนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ในอีกมุมหนึ่ง ธาม "นักสำรวจขีดจำกัด" ก็เคลื่อนตัวเข้าหา ภาคย์ อย่างเงียบเชียบแต่หนักแน่น พวกเขาเริ่มต้นด้วยจูบที่เปี่ยมด้วยการท้าทายและการหยั่งเชิง ลิ้นร้อนไล้เลียไปตามริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน ก่อนจะแทรกผ่านเข้าไปสำรวจโพรงปากอย่างเชื่องช้า แต่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน
เสื้อผ้ากลายเป็นสิ่งกีดขวางที่น่ารำคาญ มันถูกฉีกกระชากออกอย่างไม่ใยดีจนไปกองรวมกันอยู่บนพื้นดาดฟ้าที่เย็นเฉียบ ร่างกายเปลือยเปล่าของชายหนุ่มทั้งหกปรากฏขึ้นภายใต้แสงจันทร์และแสงไฟจากหน้ารถของพวกเขาเอง กล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ เงาที่ทอดทาบไปตามพื้นคอนกรีตเต้นระริกราวกับเปลวเพลิง
ปีย์กดร่างขาวเนียนของผู้กองเอ็มลงกับพื้นเย็นจัด "ร้องสิครับผู้กอง... ผมอยากได้ยินเสียงคุณ... เสียงที่แท้จริงของคุณ" ปีย์กระซิบเสียงพร่า ขณะที่ลิ้นร้อนไล่เลียตั้งแต่ยอดอกที่แข็งเป็นไตไปจนถึงลอนกล้ามท้องที่กระชับสวยงาม ผู้กองเอ็มได้แต่ครางเสียงหลงในลำคออย่างทรมานปนสุขสม มือของปีย์ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผู้กองเอ็มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดลงที่แก่นกายที่กำลังแข็งขืน แล้วเริ่มรูดรั้งมันอย่างหนักหน่วง
ขณะเดียวกัน การต่อสู้ของธามกับภาคย์ก็ดุเดือดขึ้น พวกเขากำลังทดสอบพละกำลังและขีดจำกัดของกันและกันอย่างแท้จริง ธามผลักภาคย์ให้ติดกับผนังคอนกรีต ก่อนจะใช้ร่างกายบดเบียดเข้าหา ภาคย์เองก็ไม่ยอมแพ้ เขาดันกลับอย่างแรง ทำให้ร่างของทั้งสองคนเสียดสีกันไปมาด้วยความเร่าร้อน สองลิ้นพันเกี่ยวกันอย่างบ้าคลั่ง มือของธามเลื่อนต่ำลงไปบีบเคล้นบั้นท้ายของภาคย์อย่างรุนแรง
ณ อีกฟากหนึ่ง โค้ชดิน และ สารวัตรแทน ยืนพิงรถของตัวเองมองภาพทั้งหมดด้วยสายตาของผู้สร้างที่กำลังชื่นชมผลงานชิ้นเอก ‘นี่แหละ...’ โค้ชดินคิดในใจ ‘คือสิ่งที่ฉันต้องการสร้างขึ้นมา พลังงานที่แตกต่าง... ความปรารถนาที่หลากหลาย... ทั้งหมดมารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้’
สารวัตรแทนหันมาหาเขา ดวงตาคมกริบนั้นลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา "ถึงตาเราแล้วมั้ง... โค้ช" เขากระซิบ ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของโค้ชดินอย่างหนักหน่วง ลิ้นของทั้งสองเกี่ยวพันกันอย่างร้อนแรง สร้างความร้อนรุ่มที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
เมื่อเห็นว่าเหล็กกำลังร้อนได้ที่ โค้ชดินก็พยักหน้าให้สารวัตรแทนเป็นสัญญาณ สารวัตรแทนยิ้มรับ เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังคู่ของธามกับภาคย์ ธามเหลือบมองอย่างเข้าใจแล้วจึงยอมปล่อยภาคย์แต่โดยดี สารวัตรแทนดึงร่างที่ชุ่มเหงื่อของภาคย์ให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเหวี่ยงไปพิงกับรถ Honda CB1000R ของโค้ชดินอย่างแรง "ชอบความรุนแรงไม่ใช่เหรอ... นักกีฬา" สารวัตรแทนคำรามเสียงต่ำข้างหู ก่อนจะจับสะโพกของภาคย์แล้วเริ่มกระแทกกระทั้นเข้าจากด้านหลังอย่างดุดัน มันคือการรุกที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจดิบๆ ทำให้ภาคย์ที่แข็งแกร่งถึงกับขาอ่อน เสียงครางของภาคย์ดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกรุกล้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็ยอมรับมันอย่างจำนน มือของสารวัตรแทนยังคงบีบเคล้นสะโพกของภาคย์อย่างรุนแรง พยุงให้ทุกการกระแทกกระทั้นนั้นหนักหน่วงและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เมื่อภาคย์มีคนดูแลแล้ว ธามก็หันไปหาปีย์ที่กำลังเพลิดเพลินกับร่างกายของผู้กองเอ็ม เขาเข้าไปกอดรัดปีย์จากด้านหลังแล้วเริ่มซุกไซ้แผ่นหลังที่ตึงแน่นของปีย์อย่างมันเขี้ยว "แบ่งกันบ้างสิ... ของดีๆ น่ะ" ปีย์หันมายิ้มยั่ว ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มบทรักที่เต็มไปด้วยพลังของวัยหนุ่มที่ไม่มีใครยอมใคร ธามใช้มืออีกข้างเข้ามาร่วมรูดรั้งแก่นกายของผู้กองเอ็มไปพร้อมกับปีย์ สร้างความสุขสมที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณให้กับผู้กองหนุ่มที่นอนหอบอยู่บนพื้น
และแล้ว...ก็ถึงเวลาของไคลแม็กซ์ที่แท้จริง โค้ชดิน เดินเข้าไปหา ผู้กองเอ็ม ที่นอนหอบหายใจอยู่บนพื้นอย่างสง่างาม เขาวางมือลงบนไหล่ของปีย์ (ซึ่งตอนนี้ผละออกไปแล้ว) แล้วพูดเสียงเรียบ "พอแล้วสำหรับนาย... ที่เหลือเป็นของฉัน"
โค้ชดินไม่ได้รีบร้อนสัมผัสร่างกายของผู้กองเอ็ม เขานั่งคร่อมร่างนั้นแล้วใช้เพียงสายตาและคำพูดในการ "ควบคุม"
"มองหน้าฉัน...เมธี" การเรียกชื่อจริงทำให้ผู้กองเอ็มสะดุ้งเฮือก เขาลืมตาขึ้นมองอย่างว่าง่าย "คุณเหนื่อยมามากพอแล้วกับการเป็น 'ผู้ให้'... เป็น 'ผู้ดูแล'..." โค้ชดินกระซิบเสียงนุ่มแต่ทรงพลัง "คืนนี้... คุณไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น... คุณมีหน้าที่แค่ 'รับ' ทุกอย่างที่ผมจะมอบให้... ยอมจำนนต่อผม... เป็นของผมแค่คนเดียว... ทำได้ไหม" น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากหางตาของผู้กองเอ็ม มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจที่ในที่สุดก็มีคนเข้าใจความปรารถนาที่ลึกที่สุดของเขา "ครับ... ผม... ผมทำได้" "ดีมาก..." โค้ชดินยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพลิกร่างของผู้กองเอ็มให้นอนคว่ำหน้าลง แล้วเริ่มมอบบทเรียนแห่งการยอมจำนนที่ลึกซึ้งและหนักหน่วงที่สุดเท่าที่ผู้กองเอ็มเคยจินตนาการถึง เขาเสียบใส่เข้าไปในร่างกายของผู้กองเอ็มอย่างเชื่องช้า แต่หนักแน่น ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยอำนาจและการครอบงำ
ทั้งดาดฟ้าอบอวลไปด้วยเสียงเนื้อกระทบกันและเสียงครวญครางที่ดังประสานกันเป็นบทเพลงแห่งตัณหา แต่เสียงที่ดังและโหยหวนที่สุดคือเสียงของผู้กองเอ็มที่ถูกโค้ชดินครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบ ภาพของผู้ก่อตั้งกลุ่มที่กำลังควบคุมนายแพทย์ทหารผู้เคร่งขรึมจนหมดสภาพ กลายเป็นภาพที่ทรงพลังและกระตุ้นอารมณ์ของอีกสี่ชีวิตที่เหลือให้เดือดพล่านถึงขีดสุด
"โค้ช... โค้ชดิน... อ๊า... ไม่ไหว... ผมไม่ไหวแล้ว... ได้โปรด..." ผู้กองเอ็มร้องขออย่างไม่เป็นศัพท์ ร่างกายบิดเร้าไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
"ร้องออกมา! ร้องชื่อฉันให้ลั่นฟ้า!" โค้ชดินคำรามก้อง ก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายอย่างรุนแรงราวกับจะฉีกร่างนั้นให้เป็นชิ้นๆ "โค้ชดิน!!! อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!"
เสียงกรีดร้องนั้นเป็นเหมือนสัญญาณจุดระเบิดนิวเคลียร์!
สารวัตรแทน ที่กำลังขยี้ร่างของภาคย์อยู่กับรถ คำรามลั่นออกมาเป็นคนแรก เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดเข้าไปในร่างของภาคย์อย่างบ้าคลั่งจนภาคย์เข่าทรุดลงไปกองกับพื้นและปลดปล่อยตามออกมาในวินาทีเดียวกัน
ทางด้านของ ปีย์ กับ ธาม ที่กอดรัดกันแน่น เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็เหมือนถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว ทั้งสองคำรามลั่นราวกับสัตว์ป่าและปลดปล่อยออกมาพร้อมกันอย่างรุนแรง ธามใช้ปากดูดเม้มไปที่แก่นกายของปีย์อย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพ่นน้ำรักออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้าของปีย์ ในขณะที่ปีย์เองก็สำเร็จความใคร่ในปากของธาม
และสุดท้าย ที่ศูนย์กลางของพายุลูกนี้ โค้ชดินก็คำรามเสียงต่ำในลำคอเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากได้เห็นผลงานชิ้นเอกของตน เขาปลดปล่อยทุกหยาดหยดแห่งความเป็นชายเข้าไปในร่างของผู้กองเอ็มที่กระตุกเกร็งอย่างรุนแรง
ความเงียบเข้าปกคลุมดาดฟ้าในทันที... เหลือเพียงเสียงลมและเสียงหอบหายใจที่ดังระงมของชายหนุ่มทั้งหกคน
ยังไม่ทันที่ใครจะได้พักหายเหนื่อยดี โค้ชดินซึ่งเป็นคนแรกที่ได้สติ ก็ลุกขึ้นยืน ร่างของเขายังคงชุ่มเหงื่อและสั่นเทาเล็กน้อย เขาไม่พูดอะไร แต่เดินตรงไปหาธามที่ยังนอนหมดแรงอยู่บนพื้น ก่อนจะฉุดแขนให้ลุกขึ้นตามอย่างแรง
ธามมองอย่างมึนงง แต่ก็ยอมเดินตามแรงดึงนั้นไปแต่โดยดี โค้ชดินลากธามไปที่รถ Kawasaki Z900 คันใหม่ แล้วดันให้เขานั่งพิงรถไว้ การกระทำที่ไร้คำพูดนั้นเป็นเหมือนสัญญาณที่ทุกคนเข้าใจในทันที สมาชิกที่เหลือค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปล้อมรอบธามและรถของเขา
"นายกับรถ... คือสิ่งเดียวกัน... คือส่วนหนึ่งของพวกเรา" โค้ชดินกระซิบเสียงพร่าข้างหูธาม
จากนั้น สมาชิกเก่าทั้งห้าคนก็เริ่มปรนเปรอตัวเองอีกครั้งเพื่อ "เค้นพลังหยดสุดท้าย" ที่ยังหลงเหลือจากความเร่าร้อน...
ไม่นานนัก น้ำรักที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อ "เจิม" รถคันใหม่ และร่างกายของธาม มันสาดกระเซ็นลงบนผิวสีแทนที่ชุ่มเหงื่อและตัวถังรถที่เย็นเฉียบ สร้างลวดลายแห่งความเป็นเจ้าของขึ้นมา
ธามมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ลุกโชน ก่อนที่เขาจะลงมือด้วยตัวเอง ปลดปล่อยน้ำรักของตนเองสมทบลงไปบนร่างกายและรถของเขา เป็นการประกาศการยอมรับตัวตนใหม่อย่างสมบูรณ์
แต่แล้วปีย์ก็ก้าวเข้ามา "สำหรับนาย...ต้องมีรอบพิเศษ!" เขากระซิบเสียงพร่า ก่อนจะจูบธามอย่างดุดันและปลดปล่อยน้ำรักระลอกใหม่ออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้าของธาม เป็นการพิสูจน์ถึงพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดของเขา
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทุกคนดังก้องไปทั่วดาดฟ้าที่เงียบสงัด
The Steel Riders ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
"เส้นทางลับของเรา...เพิ่งจะเริ่มต้น..." โค้ชดินพูดขึ้นเป็นคนสุดท้าย "อนาคตข้างหน้า...เราจะได้เจออะไรที่โหดกว่านี้อีกเยอะ... นายพร้อมซิ่ง...ไปกับพวกเราใช่ไหม... ธาม..."
ธามเช็ดคราบน้ำรักที่มุมปากออกอย่างไม่ใยดี เขามองหน้าพี่น้องของเขาทีละคน ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน "พร้อมครับโค้ช! ผมพร้อมซิ่งทุกเส้นทางลับ! ไปกับ The Steel Riders!"
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนแหวนเกลี้ยงสีเงินด้านบนนิ้วก้อยข้างขวาของสมาชิก SR ทุกคน บ่งบอกถึงความลับและความผูกพันที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพวกเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น