The Steel Riders: ซีซัน 2 ตอนที่ 2: พื้นที่ส่วนตัว (Personal Space)

แสงไฟนีออนในห้องทำงานของหน่วยสืบสวนคดีพิเศษยังคงสว่างโร่อยู่ตลอดทั้งคืน หมวดนที กำลังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขากำลังรวบรวมข้อมูลของกลุ่ม Iron Horse Adrenaline (IHA) ที่สารวัตรแทนเป็นสมาชิกอยู่ รายชื่อสมาชิกแต่ละคนปรากฏขึ้นบนหน้าจอ โค้ชดิน... เทรนเนอร์ฟิตเนส, ปีย์... นักศึกษา, ธาม... นักฟรีรันนิ่ง, ผู้กองเอ็ม... นายแพทย์ทหาร, ภาคย์... นักวอลเลย์บอล เขาไล่อ่านไปทีละชื่อ คิ้วหนาขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

"นี่มันอะไรกันวะ...ชมรมบิ๊กไบค์เนี่ยนะ...ถึงขนาดต้องมาจากคนละสายอาชีพขนาดนี้..." หมวดนทีพึมพำกับตัวเอง เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังถี่ขึ้นเมื่อเขาพิมพ์ชื่อของแต่ละคนลงไปในช่องค้นหา ยิ่งค้น ยิ่งเจอข้อมูลที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็น "เพื่อนนักบิด" ทั่วไป การที่สารวัตรแทนมักจะหายตัวไปทำ "กิจกรรมส่วนตัว" กับกลุ่มเพื่อนที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้นี้ ยิ่งทำให้ "ชมรมบิ๊กไบค์" ดูเป็นแค่ฉากหน้า และมีบางอย่างที่น่าสงสัยซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ในขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลทหารยามค่ำคืน บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งๆ ผู้กองเอ็ม ในชุดเสื้อกาวน์แพทย์สีขาวสะอาดตา กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอุปกรณ์ในห้องกายภาพบำบัดส่วนตัวหลังเวลาทำการ ผู้กองเอ็มมีใบหน้าหล่อเหลาที่ดูใจดี แต่ดวงตาของเขาในตอนนี้กลับฉายแววอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดจากการทำงานหนักมาทั้งวัน

เสียงประตูเปิดออกช้าๆ ร่างสูงโปร่งของ ภาคย์ เดินกะเผลกเข้ามา เขาเพิ่งกล้ามเนื้อฉีกระหว่างซ้อมวอลเลย์บอลเมื่อช่วงบ่าย และต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดพิเศษกับผู้กองเอ็มในคืนนี้

"ขอโทษนะครับผู้กอง...ที่ต้องรบกวนเวลาส่วนตัว" ภาคย์พูดขึ้น เสียงของเขาแหบพร่าจากความเจ็บปวด

"ไม่เป็นไรภาคย์... หน้าที่พี่อยู่แล้ว" ผู้กองเอ็มยิ้มบางๆ มือเรียวยาวของเขาลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแกร่งของภาคย์ที่กำลังตึงเกร็งจากการบาดเจ็บ "นอนลงบนเตียงนี่ก่อน...พี่จะลองเช็กดู"

ภาคย์นอนลงบนเตียงกายภาพบำบัด ร่างกายที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขากำลังอยู่ในภาวะบาดเจ็บและอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้กองเอ็มเริ่มลงมือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อขาของภาคย์อย่างเบามือ สัมผัสที่อ่อนโยนของผู้กองเอ็มทำให้ภาคย์รู้สึกผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีแรงดึงดูดบางอย่างที่มองไม่เห็นก่อตัวขึ้นในห้องที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวนี้

"เจ็บไหมภาคย์" ผู้กองเอ็มถามเสียงนุ่มนวล

"ไม่เท่าไหร่ครับผู้กอง...แต่...ผมว่ามันมีอย่างอื่นที่เจ็บกว่านี้อีก..." ภาคย์ตอบเสียงพร่า ดวงตาของเขาจ้องมองผู้กองเอ็มด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้น ความปรารถนาที่จะได้รับการดูแลและยอมจำนนต่อสัมผัสที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยอำนาจของผู้กองเอ็ม

ผู้กองเอ็มชะงักไปเล็กน้อย สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของภาคย์ ความเข้าใจบางอย่างฉายวาบในแววตาของทั้งคู่ ความตึงเครียดทางกายจากความเจ็บปวดของภาคย์ และความปรารถนาที่ผู้กองเอ็มแบกรับจากการเป็นผู้ดูแล กำลังถูกแทนที่ด้วยแรงปรารถนาที่ซ่อนเร้นของผู้กองเอ็มเองที่จะ "ครอบครอง" และ "ปลดปล่อย" ในแบบที่เขาไม่เคยกล้าแสดงออกในฐานะนายแพทย์

ภาคย์ ที่ต้องการปลดปล่อยความเจ็บปวดและความปรารถนาที่อัดอั้น เขาใช้มือที่แข็งแรงจับต้นคอของผู้กองเอ็ม แล้วออกแรงดึงเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะประกบเข้ากับริมฝีปากของผู้กองเอ็มอย่างรุนแรง ผู้กองเอ็มถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ แต่ก็ตอบรับจูบนั้นอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนของทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างเร่าร้อน เสียงจูบดังดูดดื่มไปทั่วห้องพยาบาล ภาคย์ใช้มืออีกข้างรวบเสื้อกาวน์ของ ผู้กองเอ็มขึ้นแล้วกระชากออกอย่างรุนแรง เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนที่กำลังขึ้นสีแดงจากการเสียดสี "ผู้กอง... ผมไม่ไหวแล้ว... ผมอยากให้ผู้กอง... ปลดปล่อยผม... ให้หมดแรงเลย..." ภาคย์คำรามเสียงพร่า

ผู้กองเอ็มไม่ได้ห้าม เขาเพียงครางตอบรับเมื่อภาคย์เร่งจังหวะจูบให้รุนแรงขึ้น มือของผู้กองเอ็มสอดเข้าไปใต้เสื้อของภาคย์ ลูบไล้ไปตามแผงอกที่แข็งแกร่งและหน้าท้องที่กระชับ การจูบและการลูบไล้ไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของภาคย์ ทำให้ความปรารถนาในตัวผู้กองเอ็มปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้


ทันใดนั้น เสียงประตูห้องกายภาพบำบัดก็เปิดออกช้าๆ ร่างสูงโปร่งของ โค้ชดิน ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เขามาพร้อมกับถุงผลไม้และน้ำดื่มในมือ โดยตั้งใจแวะมาเยี่ยมอาการภาคย์ตามปกติ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้โค้ชดินถึงกับหยุดนิ่งในทันที

ผู้กองเอ็ม และ ภาคย์ กำลังเปลือยกายอยู่บนเตียงพยาบาล ร่างกายที่เปื้อนเหงื่อและเลือดเล็กน้อยของภาคย์บดเบียดกับร่างกายที่ดูสะอาดสะอ้านของผู้กองเอ็ม ภาคย์ กำลังอยู่ด้านบน ออกแรงรุกไล่ผู้กองเอ็มอย่างดุดัน เสียงครางต่ำๆ ของผู้กองเอ็มเล็ดลอดออกมาเมื่อเขาถูกกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง ผู้กองเอ็มเงยหน้าขึ้น สายตาเหม่อลอย ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความสุขสมปนทรมาน "อื้อ... ภาคย์... แรงอีก... อ๊าาาาาา..." ผู้กองเอ็มร้องขอ เสียงของเขาแหบพร่า แสดงออกถึงความปรารถนาที่จะถูกครอบงำและถูกกระทำอย่างเต็มที่

ผู้กองเอ็มและภาคย์ชะงัก ร่างกายแข็งเกร็ง ดวงตาของทั้งคู่เบิกโพลงเมื่อเห็นโค้ชดินยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าของผู้กองเอ็มซีดเผือดลงทันทีด้วยความตกใจระคนอับอาย เขาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวอย่างรวดเร็ว ภาคย์เองก็หันมามองด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

โค้ชดินไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจหรือตกใจ เขามองทั้งสองคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแหวนเกลี้ยงสีเงินด้านบนนิ้วก้อยข้างขวาของตัวเองที่ส่องประกายวับๆ

.เสียง "คลิก" ของลูกบิดที่ถูกล็อกดังขึ้นเบาๆ แต่กลับก้องกังวานในความเงียบ ทำให้ทั้งผู้กองเอ็มและภาคย์สะดุ้งเฮือก มันคือเสียงที่ปิดตายโลกภายนอก และเปิดประตูสู่ความปรารถนาที่ไม่อาจหวนคืน

"ดูเหมือนพวกนายจะเจอ 'ทางลัด' ที่ดีต่อสุขภาพ...โดยไม่ต้องให้ฉันชี้ทางเลยนะ..." โค้ชดินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ เขาเดินอย่างใจเย็นเข้ามาที่เตียงพยาบาล สายตาคมกริบของเขามองภาคย์ที่ยังคงคร่อมร่างของผู้กองเอ็มอยู่

"ภาคย์... ถอยออกมาดูข้างๆ ก่อน... เดี๋ยวฉัน 'ปรับ' ท่าให้ผู้กองเอง"

คำพูดนั้นไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง ภาคย์ลังเลอยู่ชั่วครู่ ร่างกายของเขายังคงตื่นตัวจากรสจูบเมื่อครู่ แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาที่เด็ดขาดและแฝงแววขบขันของโค้ชดิน เขาก็ยอมผละออกจากผู้กองเอ็มแต่โดยดี แล้วถอยไปยืนพิงกำแพงห้องที่เย็นเฉียบอย่างเงียบๆ กลายเป็นผู้สังเกตการณ์โดยสมบูรณ์ หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความหวาดหวั่นต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาเลื่อนมือลงไปกอบกุมแก่นกายของตัวเองที่กำลังแข็งขืนเต็มที่ เริ่มขยับรูดรั้งเบาๆ ขณะที่ดวงตาจับจ้องภาพบนเตียงไม่วางตา

ตอนนี้บนเตียงจึงเหลือเพียงโค้ชดินกับผู้กองเอ็ม โค้ชดินไม่ได้รีบร้อน เขานั่งลงข้างๆ เตียง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่สั่นระริกของผู้กองเอ็ม

"คุณเป็นหมอ... เป็นผู้ดูแล... คอยแบกรับความเจ็บปวดและความคาดหวังของคนอื่นมาตลอด" โค้ชดินพูดเสียงนุ่ม แต่ทุกคำพูดเหมือนค้อนที่ทุบทำลายกำแพงในใจของผู้กองเอ็ม "แต่ในแววตาของคุณตอนนี้... มันบอกว่าคุณเหนื่อย... คุณไม่ได้อยากเป็นผู้ให้... แต่คุณอยากเป็นฝ่าย 'รับ' บ้าง... ผมพูดถูกไหม... เมธี"

การได้ยินชื่อจริงของตัวเองหลุดออกมาจากปากของโค้ชดิน ทำให้ผู้กองเอ็มสะท้านไปทั้งตัว กำแพงเหตุผลสุดท้ายของเขาพังทลายลง น้ำตาแห่งความโล่งใจคลอหน่วยขึ้นมาในดวงตา เขาพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบที่ไร้เสียง

"ดีมาก..." โค้ชดินยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาขึ้นไปบนเตียงแล้วพลิกร่างของผู้กองเอ็มให้นอนคว่ำหน้าลงอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด มือของเขากดแผ่นหลังนั้นไว้ บังคับให้ใบหน้าของผู้กองเอ็มซบลงกับผ้าปูเตียงที่ยังคงมีกลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ ซึ่งมันช่างขัดแย้งกับกลิ่นกายที่เริ่มอบอวลไปด้วยตัณหาอย่างรุนแรง "คืนนี้...ลืมคำว่า 'ผู้กอง' ไปซะ... คุณคือของผม... และผมจะควบคุมทุกอย่างเอง"

โค้ชดินเริ่มต้นบทเรียนแห่งการยอมจำนน เขาไม่ได้รุกรานอย่างรุนแรงในทันที แต่ใช้สัมผัสที่หนักแน่นและเชื่องช้าลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังและบั้นท้ายที่ขาวเนียนของผู้กองเอ็ม ไล่ตั้งแต่บ่ากว้างที่แบกรับความรับผิดชอบมาเนิ่นนาน ลงมาจนถึงสะโพกที่กลมกลึงซึ่งบัดนี้กำลังสั่นเทาอยู่ใต้มือของเขา เป็นการประกาศอาณาเขตและสร้างความคุ้นเคย ก่อนที่เขาจะใช้ปลายนิ้วค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในช่องทางรักที่ยังคงตอดรัดแน่นด้วยความประหม่าและไม่เคยถูกสัมผัสอย่างลึกซึ้งมาก่อน

"ผ่อนคลายเมธี... เปิดรับผม" โค้ชดินกระซิบชิดใบหู ก่อนจะค่อยๆ แทรกแก่นกายที่ร้อนระอุและแข็งแกร่งของตัวเองเข้าสู่ร่างกายของผู้กองเอ็มอย่างช้าๆ แต่ลึกซึ้งที่สุด ทุกมิลลิเมตรที่เคลื่อนเข้าไปคือการทำลายตัวตนเก่าและสร้างความสุขสมใหม่ขึ้นมาแทน

"อึ่ก... อ๊าาา! โค้ช...จะ...เจ็บ!" ผู้กองเอ็มจิกปลายนิ้วลงบนผ้าปูเตียงแน่นจนเป็นรอยยับย่น ร่างกายเกร็งรับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้งเจ็บปวดและสุขสมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

"ผมรู้..." โค้ชดินตอบเสียงทุ้ม เขาหยุดนิ่งเพื่อให้ผู้กองเอ็มได้ปรับตัว "แต่ความเจ็บปวดนี่แหละ...คือบทพิสูจน์ที่ดีที่สุดของการยอมจำนน... หายใจเข้าลึกๆ... แล้วรับผมเข้าไปให้หมด"

ผู้กองเอ็มทำตามอย่างว่าง่าย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลายลงทีละน้อย เปิดทางให้โค้ชดินสอดแทรกเข้ามาจนสุดลำ

โค้ชดินเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มั่นคง และหนักแน่น ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยการควบคุม เขาก้มลงไปกระซิบข้างหูผู้กองเอ็มอีกครั้ง "รู้สึกดีไหมเมธี... ที่มีคนมาควบคุมร่างกายของคุณแบบนี้... ที่คุณไม่ต้องคิดอะไรเลยนอกจากรับความรู้สึกที่ผมมอบให้..."

"อะ...อ๊า... ครับ... โค้ช... ดะ...ดีมาก" ผู้กองเอ็มครางตอบอย่างไม่เป็นศัพท์ ความรู้สึกของการถูกครอบงำโดยสมบูรณ์มันช่างหอมหวานและปลดปล่อยอย่างที่เขาโหยหามาตลอดชีวิต เสียงเนื้อกระทบกันดัง "ตับ... ตับ... ตับ..." เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ก้องอยู่ในห้องที่เงียบสงัด

ภาคย์ที่ยืนมองภาพทั้งหมดอยู่ข้างเตียงแทบจะคลั่ง ร่างกายของเขาแข็งขืนจนปวดหนึบ ภาพของโค้ชดินที่กำลัง "ครอบครอง" ผู้กองเอ็มอย่างสมบูรณ์แบบนั้นกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของเขาอย่างรุนแรง เขาเห็นใบหน้าที่เปี่ยมสุขของผู้กองเอ็ม และรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่นายแพทย์ทหารคนนี้ต้องการอย่างแท้จริง มือของเขาเลื่อนลงไปกอบกุมแก่นกายของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เริ่มขยับรูดรั้งไปตามจังหวะการกระแทกของโค้ชดินอย่างบ้าคลั่ง

ภาคย์ทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ไหวอีกต่อไป เขาค่อยๆ เดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างเตียงทางด้านหน้าของผู้กองเอ็ม สายตาของเขามองสบกับโค้ชดินเป็นเชิงขออนุญาต โค้ชดินพยักหน้าให้ช้าๆ เป็นการอนุญาต

ภาคย์ก้มลงจูบซับน้ำตาและเหงื่อบนใบหน้าของผู้กองเอ็มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นและริมฝีปากปรนเปรอแผงอกและยอดอกของผู้กองเอ็มที่กำลังสั่นสะท้านอย่างหนัก "ผู้กอง... ผมจะช่วยโค้ช... ทำให้คุณมีความสุขที่สุด" เขาพึมพำ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งช่วยปรนเปรอแก่นกายของผู้กองเอ็มที่ถูกทอดทิ้งอยู่ด้านหน้า ทำให้ตอนนี้ร่างกายของผู้กองเอ็มถูกปรนเปรอจากทุกทิศทาง

"โค้ช... ภาคย์... อ๊าาาา... ไม่ไหวแล้ว... ผม... จะ..." ผู้กองเอ็มร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระตุ้นพร้อมกันจนถึงขีดสุด

เสียงครวญครางที่ดังสนั่นและร่างกายที่บิดเร้าของผู้กองเอ็มเป็นเหมือนสัญญาณ โค้ชดินคำรามในลำคออย่างพึงพอใจ เขาเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นเข้าใส่ด้วยความเร็วและความรุนแรงสูงสุด "ร้องออกมาเมธี! ร้องให้ลั่นห้องไปเลย!"

"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!"

เสียงกรีดร้องแห่งความสุขสมของผู้กองเอ็มดังก้องไปทั่วห้องกายภาพบำบัด ร่างกายของเขากระตุกเกร็งอย่างรุนแรงและปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาจนหมดสิ้นเปรอะเปื้อนมือของภาคย์และผ้าปูเตียง ภาพนั้นส่งผลให้ภาคย์ที่กำลังปรนเปรออยู่ทนไม่ไหว เขาคำรามลั่นและปลดปล่อยความปรารถนาของตนเองออกมาเปรอะเปื้อนผ้าปูเตียงในวินาทีต่อมา

และสุดท้าย ที่จุดสูงสุดของอำนาจ โค้ชดินก็คำรามลั่นเป็นครั้งสุดท้าย เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดเข้าไปในร่างกายที่อ่อนระทวยของผู้กองเอ็ม เป็นการปิดฉากบทเรียนแห่งการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งสามคนนอนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงบนเตียงพยาบาลที่บัดนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บอีกต่อไป แต่มันคือแท่นบูชาที่ความปรารถนาที่แท้จริงได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น...

โค้ชดินเป็นฝ่ายลุกขึ้นนั่งก่อน เขาใช้มือลูบผมที่ชุ่มเหงื่อของผู้กองเอ็มที่ยังนอนซบอยู่กับอกของเขาอย่างอ่อนโยน

"เป็นไงบ้าง...เมธี" โค้ชดินถามเสียงทุ้ม "ตอนนี้...เข้าใจความหมายของมันหรือยัง"

ผู้กองเอ็มค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำแต่แจ่มใสและปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยักหน้าช้าๆ "ผม...เข้าใจแล้วครับโค้ช... เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลย"

โค้ชดินยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาไม่ได้หยิบแหวนวงใหม่ออกมา แต่กลับจับมือขวาของผู้กองเอ็มขึ้นมาเบาๆ แล้วใช้นิ้วโป้งลูบไล้ แหวนเกลี้ยงสีเงินด้านที่อยู่บนนิ้วก้อยของเขาอยู่แล้ว

"แหวนวงนี้..." โค้ชดินพูดเสียงจริงจัง "...ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ว่านายเป็นพวกเรา... แต่มันคือเครื่องเตือนใจว่านายมีสิทธิ์ที่จะ 'ยอมจำนน' และปลดปล่อยด้านนี้ของตัวเองออกมาได้เสมอ... โดยไม่ต้องรอให้ใครมาชี้นำ ไม่ต้องรู้สึกผิด... แค่ส่งสัญญาณมา... พวกเราทุกคนพร้อมที่จะช่วยนาย 'ปลดปล่อย' เสมอ"

คำพูดนั้นทำให้ผู้กองเอ็มน้ำตาคลอ เขารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกพันธนาการที่หนักอึ้งมาทั้งชีวิต

โค้ชดินหันไปมองภาคย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ "และนายด้วยภาคย์... วันนี้นายได้แสดงให้เห็นแล้วว่านายเข้าใจความต้องการของพี่น้องมากกว่าใคร นายไม่ได้แค่หาความสุขให้ตัวเอง แต่นายช่วยปลดปล่อยผู้กองเอ็มด้วย... นี่แหละคือหัวใจของ SR"

ภาคย์ยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นแค่สมาชิก แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลุ่มสมบูรณ์

หลังจากที่ทุกคนได้อยู่กับความรู้สึกนั้นสักพัก โค้ชดินก็ลุกขึ้นจากเตียง เริ่มแต่งตัว แววตาของเขาเปลี่ยนจากผู้ควบคุมเกมรักมาเป็นผู้นำกลุ่มอย่างรวดเร็ว

"เอาล่ะ..." โค้ชดินพูดขึ้น ทำลายความเงียบ "ในเมื่อตอนนี้เรา 'เข้าใจ' กันมากขึ้นแล้ว... มีเรื่องสำคัญที่เราต้องคุยกัน... เรื่องหมวดคนใหม่ที่ทำงานของสารวัตรแทน"

คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที ความร้อนแรงจากเซ็กส์ถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียดระลอกใหม่ ผู้กองเอ็มและภาคย์มองหน้ากันอย่างสงสัย