หลายวันผ่านไปหลังจากกลับจากบุรีรัมย์...
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่อู่ของกันต์ บรรยากาศเงียบสงบกว่าปกติ มีเพียงเสียงเครื่องมือที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวจากคาซึยะที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นกับรถแข่งของอากิระที่ตอนนี้ซ่อมแซมจนกลับมาอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์แล้ว
ประตูอู่เปิดออกพร้อมกับร่างของคิมที่เดินเข้ามา ในมือของเขาถือแก้วกาแฟสดจากร้านโปรดอยู่สองแก้ว เขาวางแก้วหนึ่งลงบนโต๊ะทำงานของกันต์ ก่อนจะเดินถืออีกแก้วเข้าไปหาคาซึยะที่นั่งจมอยู่กับกองอะไหล่
"กาแฟครับ" คิมพูดเรียบๆ พลางยื่นแก้วให้
คาซึยะเงยหน้าขึ้นจากงานของเขา มองหน้าคิมสลับกับแก้วกาแฟด้วยความแปลกใจเล็กน้อย แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือพูดจาปากร้ายเหมือนเคย เขายอมรับแก้วมาเงียบๆ แล้วพึมพำ "ขอบคุณ" ออกมาเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบ
"ลาเต้ร้อน ไม่หวาน... ผมจำได้ว่าคุณชอบแบบนี้" คิมพูดขึ้นอีกครั้ง
คำพูดนั้นทำให้มือของคาซึยะชะงักไป เขามองหน้าคิมนิ่ง... การที่อีกฝ่ายจดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเขาได้ มันทำให้ความรู้สึกบางอย่างที่เขาพยายามจะปฏิเสธมาตลอดเริ่มชัดเจนขึ้นในใจ
ในจังหวะนั้นเอง เสียงเรียกเข้าวิดีโอคอลก็ดังขึ้นจากแท็บเล็ตที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของกันต์ หน้าจอแสดงชื่อที่ทุกคนคุ้นเคย... "Pun Naja"
กันต์รีบกดรับสายทันที ก่อนที่ใบหน้าของสมาชิกที่เหลือ (ไท, ต้า, บอส, เนย์, อากิระ) ที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนห้องพักชั้นบนจะรีบกรูเข้ามามุงที่หน้าจอ
ภาพที่ปรากฏขึ้นคือใบหน้าที่ยิ้มแฉ่งของปุณณ์ที่ดูมั่นใจและมีความสุขกว่าที่เคย ข้างๆ กันนั้นคือเคนชินในชุดลำลองสบายๆ ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าทักทายทุกคน
"ไงพวกมึงงงง!" ปุณณ์ทักทายเสียงดัง "สบายดีกันไหมวะ!"
"สบายดีเ**ยอะไรล่ะ! มึงทิ้งพวกกูไปมีความสุขกันสองคน!" บอสตะโกนตอบกลับไป เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่โกลาหลและเต็มไปด้วยความคิดถึง
พวกเขาอัปเดตชีวิตของกันและกัน ต้ากับบอสไม่พลาดที่จะอวดสถานะ "ผัวเมีย" อย่างเป็นทางการให้ปุณณ์อิจฉาเล่น ในขณะที่ปุณณ์ก็เล่าชีวิตการทำงานที่ญี่ปุ่นให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ
"แล้วนี่ใครน่ะ?" เคนชินถามขึ้นเรียบๆ เป็นภาษาญี่ปุ่น ชี้ไปที่คาซึยะที่ยังคงยืนอยู่นอกวงสนทนา
"อ๋อ... ช่างเครื่องคนใหม่ของอากิระน่ะครับ ชื่อคาซึยะ" ปุณณ์รีบอธิบาย
"คาซึยะ! มาทักทายพี่ๆ เขาหน่อยสิ!" อากิระตะโกนเรียกเพื่อน
คาซึยะทำหน้าเบื่อโลกแต่ก็ยอมเดินเข้ามาที่หน้าจอ เขาโค้งให้กล้องเล็กน้อยแล้วพูดห้วนๆ "สวัสดีครับ" ก่อนจะเดินกลับไปที่มุมของตัวเองเหมือนเดิม ท่าทีนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
หลังจากวางสายกลุ่มไปแล้ว เนย์ที่ดูมีสีหน้าครุ่นคิดมาตลอดการสนทนา ก็ตัดสินใจส่งข้อความส่วนตัวไปหาปุณณ์
ไม่นานนัก มือถือของเนย์ก็สั่นขึ้น เป็นวิดีโอคอลส่วนตัวจากปุณณ์ เขารีบเดินปลีกตัวออกมาคุยที่มุมเงียบๆ ของอู่
"มีอะไรหรือเปล่าพี่เนย์?" ปุณณ์ถามด้วยความเป็นห่วง
เนย์ถอนหายใจเบาๆ "คือ... พี่แค่อยากจะขอคำปรึกษาหน่อยว่ะ" เขาเริ่มต้นอย่างไม่แน่ใจ "พี่... ไม่เคยคบกับใครที่เป็นที่สนใจของคนเยอะๆ แบบอากิระมาก่อน... พี่ไม่รู้ว่าต้องวางตัวยังไง หรือจะรับมือกับความกดดันตอนที่เขาอยู่ท่ามกลางแสงไฟได้ดีแค่ไหน"
ปุณณ์ที่อยู่อีกฟากของหน้าจอนิ่งฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ "ผมเข้าใจเลยพี่... ตอนแรกผมก็เป็น"
"แล้วพี่ทำยังไง?" เนย์ถามกลับทันที
"ผมแค่ 'เชื่อ' ครับ" ปุณณ์ตอบ "ผมเชื่อในตัวคุณเคนชิน และที่สำคัญกว่านั้นคือผมเชื่อในความรู้สึกที่เขามีให้ผม... โลกข้างนอกมันอาจจะวุ่นวาย แต่โลกของเราที่มีกันแค่สองคนมันแข็งแรงพอที่จะไม่ให้เสียงภายนอกเข้ามาทำลายได้ ถ้าเราเชื่อใจกันและกันจริงๆ"
คำแนะนำที่มาจากประสบการณ์ตรงและเต็มไปด้วยความมั่นใจของปุณณ์ ทำให้เนย์รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างในใจ เขายิ้มออกมาอย่างโล่งอก "ขอบใจมากนะมึง... คำพูดของมึงช่วยพี่ได้เยอะเลย"
เนย์วางสายด้วยความรู้สึกที่กระจ่างและมั่นใจขึ้น เขาหันกลับไปมองอากิระที่กำลังหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเชื่อมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ค่ำคืนนั้น...
หลังจากที่เนย์ได้คุยกับปุณณ์จนรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว เขาก็วางสายและกลับไปร่วมวงกับเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งดูอากิระเล่นเกมต่อสู้อย่างออกรสบนโซฟา
แต่ที่อีกฟากหนึ่งของเมือง... โทรศัพท์ของกันต์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่เขาคุ้นเคยที่สุด
"ว่าไงพี่ไท"
เสียงที่ตอบกลับมานั้นฟังดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด "กันต์... คืนนี้กูคงไม่ได้กลับนะ เอกสารด่วนเพียบเลย... มึงช่วยแวะซื้อข้าวเข้ามาให้หน่อยได้ไหม? หิวจนไส้จะขาดแล้ว"
กันต์ยิ้มออกมาบางๆ เขารู้ดีว่า "เอกสารด่วน" ของไทนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง แต่นี่คือ "เกม" ที่พวกเขาสองคนชอบเล่นกันเสมอ "ได้ดิพี่... เดี๋ยวผมแวะซื้อของโปรดไปให้"
สถานีตำรวจในยามวิกาลนั้นเงียบสงบแต่ก็ยังคงมีไฟเปิดสว่าง มีตำรวจเวรเข้าออกอยู่ประปราย กันต์เดินถือถุงอาหารเข้ามาอย่างคุ้นเคย ตำรวจเวรที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพียงแค่พยักหน้าให้เขาอย่างนอบน้อม เพราะทุกคนรู้ดีว่าเขาคือ "คนพิเศษ" ของสารวัตร
เขาเดินไปตามทางเดินที่เงียบสงัดจนถึงห้องทำงานที่อยู่ด้านในสุด... ห้องทำงานของสารวัตรไท
ประตูไม่ได้ล็อก แต่แง้มเอาไว้เล็กน้อยตามที่คาดไว้ เขาส่งเสียงเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป
ภาพที่เห็นคือไทที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ เขายังอยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ แต่ปลดกระดุมคอออกเล็กน้อยและพับแขนเสื้อขึ้นอย่างสบายๆ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารที่ดูเหมือนจะเยอะจริงๆ... แต่มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฉากที่ไทสร้างขึ้นเท่านั้น
"นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" ไทพูดพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนัง
"ก็ต้องมาดิ กลัวสารวัตรจะหิวตายซะก่อน" กันต์ตอบกลับพลางวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ
ทั้งสองคนนั่งทานอาหารกันเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกประหลาด มันคือห้องทำงานที่เต็มไปด้วยอำนาจ แต่กลับมีบทสนทนาที่ผ่อนคลายและเป็นกันเองของคนรักคู่หนึ่ง
หลังจากทานเสร็จ ไทลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตู เขาไม่ได้ล็อกมัน แต่กลับแค่ปิดมันให้สนิทขึ้นแล้วแง้มทิ้งไว้เล็กน้อย "เผื่อมีใครเรียก จะได้ได้ยิน" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กันต์คุ้นเคยดี
"รู้ไหม..." ไทเดินกลับมาหยุดอยู่ข้างหลังกันต์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก "ตั้งแต่เป็นสารวัตรมา... ไม่เคยมีใครกล้ามา 'ส่งข้าวส่งน้ำ' ให้ถึงห้องทำงานเลยนะ" เขากระซิบชิดใบหู
"เหรอ... งั้นผมก็เป็นคนแรกสิ" กันต์ตอบกลับเสียงพร่า
"ใช่... มึงเป็นคนแรก" ไทพูดจบก็ก้มลงจูบที่ซอกคอของกันต์อย่างแรง ก่อนจะช้อนตัวกันต์ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานที่แข็งแรงของเขา กวาดแฟ้มเอกสารทั้งหมดให้พ้นทางอย่างไม่ใยดี
"พี่ไท... นี่มันที่ทำงานนะ... อ๊ะ!" กันต์ร้องออกมาเมื่อไทเริ่มปลดกระดุมกางเกงของเขา
"ก็ใช่ไง... มันถึงได้ตื่นเต้น" ไทคำรามในลำคอ
แต่ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้น...
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักและแข็งทื่อไปทันที
"สารวัตรครับ! กาแฟที่สั่งได้แล้วครับ! ผมวางไว้หน้าห้องนะครับ!" เสียงของตำรวจเวรดังขึ้นจากหน้าห้อง
ไทรีบใช้มือปิดปากกันต์ไว้แน่น ทั้งสองคนกลั้นหายใจ มองหน้ากันด้วยสายตาที่ทั้งตื่นตระหนกและตื่นเต้นสุดขีด พวกเขารอฟังจนกระทั่งเสียงฝีเท้าเดินจากไปจนเงียบสนิท
"เชี่ย..." กันต์พึมพำออกมา "เกือบไปแล้วไหมล่ะ"
"ตื่นเต้นดีไหมล่ะ?" ไทถามกลับพร้อมรอยยิ้มที่ร้ายกาจกว่าเดิม "กูบอกแล้ว"
อะดรีนาลีนที่พุ่งสูงขึ้นจากจังหวะ "เกือบ" เมื่อครู่ได้ทำลายความยับยั้งชั่งใจทั้งหมดลงจนหมดสิ้น ไทจับกันต์ให้หันหน้าเข้าหาโต๊ะ จัดท่าทางในแบบที่เขาต้องการ ก่อนจะสอดใส่ความเป็นชายของตัวเองเข้าไปอย่างรุนแรงและลึกที่สุดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
"อึ้ก!" กันต์จุกจนตัวงอ เขาต้องใช้มือยันโต๊ะทำงานของไทไว้แน่นเพื่อทรงตัว
"เงียบๆ สิ... เดี๋ยวลูกน้องกูได้ยินหมด" ไทกระซิบสั่งเสียงพร่า ขณะที่เริ่มขยับสะโพกอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว
"ก็พี่ทำแรง... อ๊ะ... อ๊า... จะให้เงียบได้ไง... อื้อ!" กันต์พยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่มันก็เล็ดลอดออกมาเป็นเสียงที่น่าอายอยู่ดี
ไทไม่ได้สนใจ เขาเปลี่ยนจากโต๊ะทำงานมาเป็นเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ของเขาเอง กดกันต์ให้นั่งลงก่อนที่เขาจะตามลงไปคร่อมทับและเริ่มบทรักอีกครั้งในท่าที่เร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม มันคือเซ็กส์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความเป็นเจ้าของ ไทต้องการจะตอกย้ำว่าไม่ว่าที่ไหน... เขาก็สามารถครอบครองกันต์ได้เสมอ
จนกระทั่งในที่สุด... ร่างกายของทั้งสองคนก็เกร็งกระตุกพร้อมกัน การปลดปล่อยที่ถูกเก็บกดไว้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแต่เงียบเชียบที่สุด เป็นความสุขสมที่มาพร้อมกับความเสียวซ่านที่ตราตรึงไปจนถึงขั้วหัวใจ
หลังจากช่วยกันแต่งตัวและทำลายหลักฐานจนเรียบร้อย กันต์ก็เดินออกจากห้องทำงานของไทไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้สารวัตรหนุ่มนั่งยิ้มอยู่กับตัวเองอย่างพึงพอใจ
วันต่อมา...
เนย์กลับมาหาอากิระที่คอนโดด้วยแววตาที่มั่นใจและกระจ่างใสกว่าเดิม "ผมได้คำตอบสำหรับสารคดีของเราแล้ว... และก็ได้คำตอบสำหรับเรื่องของเราด้วย" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้อากิระใจเต้น
ส่วนที่อู่... คิมเดินเข้าไปหาคาซึยะที่กำลังทำงานอยู่
"คุณคาซึยะ... สุดสัปดาห์นี้ผมว่าง... ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหมครับ ผมอยากขอบคุณที่คุณช่วยดูแลรถให้เพื่อนผมเป็นอย่างดี"
มันคือการ "ชวนเดท" อย่างเป็นทางการครั้งแรกในแบบฉบับของคิม...
คาซึยะที่กำลังเช็ดเครื่องมืออยู่ถึงกับหยุดชะงัก เขาหันมามองหน้าคิมด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง, สับสน, และทำอะไรไม่ถูก... และตอนก็จบลงตรงนั้น ทิ้งให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาค้างคาอยู่บนเส้นทางที่น่าค้นหาต่อไป