[POV: สารวัตรกันต์]
ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดข้างหูทำให้ขนทั่วร่างของสารวัตรกันต์ลุกชัน ความร้อนจากฝ่ามือหนาที่บีบคลึงอยู่บนบ่าส่งผ่านเข้ามาในร่างกายจนเขารู้สึกเหมือนเลือดในกายไหลเวียนเร็วกว่าปกติ
"ปล่อย" กันต์เค้นเสียงลอดไรฟัน พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากพันธนาการ
แต่ผู้กองเจตน์กลับหัวเราะในลำคอเบาๆ แรงบีบที่บ่าเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเป็นการปราม ก่อนที่มืออีกข้างจะเลื่อนจากพนักเก้าอี้ลงมาไล้ตามแผ่นอกของเขาอย่างจงใจ
"ใจร้อนจังเลยนะครับ...สารวัตร" เจตน์ลากเสียงยาวอย่างยั่วยุ "ไหนๆ น้องใหม่ก็กลับไปแล้ว เรามา 'สรุปคดี' ของวันนี้กันก่อนไม่ดีเหรอครับ?"
'สรุปคดี' คำที่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจความหมายที่แท้จริง
กันต์กำหมัดแน่นใต้โต๊ะทำงาน เขาเกลียดที่ตัวเองอ่อนแอต่อสัมผัสนี้ เกลียดที่ร่างกายทรยศต่อสมองที่กำลังสั่งให้ขัดขืนอย่างสุดกำลัง
"ที่นี่มันที่ทำงานนะเจตน์"
"ก็ใช่ไงครับ" ผู้กองหนุ่มตอบรับหน้าตาเฉย มือของเขาเริ่มซุกซนมากขึ้น มันปลดกระดุมเสื้อเครื่องแบบของกันต์ออกอย่างชำนาญทีละเม็ด ทีละเม็ด "มีที่ไหนจะเหมาะกับการ 'ลงโทษ' ตำรวจที่ทำงานหนัก...ได้ดีเท่าที่ทำงานอีกล่ะครับ?"
ไม่ทันที่กันต์จะได้โต้ตอบ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทั้งสองคนชะงักไปพร้อมกัน กันต์รีบฉวยโอกาสนั้นผลักเจตน์ออกแล้วคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมารับสายทันที
"สารวัตรกันต์พูด...ครับ...ที่ไหนนะ...ได้ เดี๋ยวทีมผมจะรีบเข้าไป"
เขาวางสายแล้วหันมามองเจตน์ที่ยืนกอดอกพิงขอบโต๊ะมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจนัก
"มีเหตุลักทรัพย์ที่อะพาร์ตเมนต์ย่านสุขุมวิท เตรียมทีมด้วย ผมจะไปเดี๋ยวนี้" กันต์พูดพลางรีบติดกระดุมเสื้อให้เข้าที่ พยายามซ่อนรอยแดงจางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนผิวเนื้อจากการรุกรานเมื่อครู่
เจตน์ยักไหล่ ยืดตัวตรง รอยยิ้มมุมปากของเขาบ่งบอกว่าเรื่องเมื่อกี้ยังไม่จบง่ายๆ
"ได้เลยครับ...สารวัตร"
[POV: หมู่เมฆ]
อะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุเป็นห้องชุดขนาดหนึ่งห้องนอนที่อยู่ในสภาพรกเละเทะจากการถูกรื้อค้น ข้าวของกระจายเกลื่อนพื้น เมฆกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เขาถ่ายรูปที่เกิดเหตุและพยายามเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุดเท่าที่เด็กจบใหม่คนหนึ่งจะทำได้
หมวดดินถูกส่งไปขอดูกล้องวงจรปิดจากนิติบุคคล ทำให้ในห้องตอนนี้เหลือเพียงเขากับผู้กองเจตน์และสารวัตรกันต์
หลังจากตรวจสอบห้องนั่งเล่นเสร็จ พวกเขาก็ย้ายเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นจุดที่เสียหายหนักที่สุด
"ดูจากสภาพแล้ว คนร้ายน่าจะบุกเข้ามาตอนเจ้าของห้องไม่อยู่ แล้วก็ตรงมาที่ห้องนอนเป็นที่แรก คงจะหาของมีค่า" สารวัตรกันต์วิเคราะห์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"อาจจะใช่ครับ" ผู้กองเจตน์พูดขึ้นเรียบๆ แต่สายตาของเขากลับไม่ได้มองไปที่ร่องรอยการรื้อค้น เขากำลังจ้องสารวัตรกันต์นิ่ง "แต่บางที...เราอาจจะต้องลองคิดในมุมของคนร้ายดูนะเมฆ"
"ครับผู้กอง?" เมฆหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
"เวลาคนร้ายบุกเข้ามาใน 'พื้นที่ส่วนตัว' ของใครสักคน...มันไม่ใช่แค่การขโมยของ" เจตน์พูดช้าๆ พลางเดินเข้าไปประชิดร่างของสารวัตรกันต์จากด้านหลัง "มันคือการ 'ครอบครอง' การแสดงอำนาจว่าเขาสามารถทำอะไรกับพื้นที่นี้ก็ได้"
เมฆรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง มันคล้ายกับที่เขาเห็นในที่ทำงานเมื่อเช้า แต่คราวนี้มันชัดเจนและรุนแรงกว่ามาก
"อย่างแรกที่ต้องทำ...คือทำให้เหยื่อหมดทางสู้" ไม่พูดเปล่า เจตน์คว้าแขนทั้งสองข้างของสารวัตรกันต์ไพล่ไปด้านหลังอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายร้องประท้วงออกมาเบาๆ
"เจตน์! นี่มันที่เกิดเหตุนะ!" กันต์พยายามดิ้นรน แต่แรงของเจตน์นั้นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
"นี่คือ 'บทเรียน' สำหรับนายนะเมฆ" เจตน์พูดกับเมฆ แต่สายตาจ้องมองกันต์ผ่านเงาสะท้อนในกระจกตู้เสื้อผ้า "ดูไว้...เวลาผู้ต้องสงสัยมีร่างกายที่แข็งแรงกว่า เราจะควบคุมสถานการณ์ยังไง"
เมฆยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ภาพที่เห็นตรงหน้ามันเกินกว่าที่สมองของเขาจะประมวลผลได้ ผู้กองเจตน์กำลังกดร่างของสารวัตรกันต์ที่น่าเกรงขามลงกับเตียงนอนของเจ้าของห้อง มือข้างหนึ่งของเขายังคงล็อกแขนของกันต์ไว้ ส่วนมืออีกข้างเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังใต้ชุดเครื่องแบบอย่างเปิดเผย
"ต่อมา...คือการค้นหา 'ของมีค่า' ที่เหยื่ออาจจะซ่อนไว้" เจตน์กระซิบเสียงพร่า มือของเขาเลื่อนลงต่ำ...ต่ำลงไปจนถึงขอบกางเกงของกันต์
"อึก...พะ...พอได้แล้ว" เสียงของสารวัตรกันต์สั่นพร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหูของเขาแดงก่ำ
เมฆควรจะเข้าไปห้าม...เขาควรจะทำอะไรสักอย่าง แต่ขาทั้งสองข้างกลับเหมือนถูกตอกตรึงไว้กับพื้น เขาได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าราวกับต้องมนตร์สะกด ความรู้สึกหวาดหวัล่นในตอนแรกค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบที่แล่นไปทั่วร่าง
นี่สินะ...
นี่คือ 'การทำงาน' ของหน่วยนี้อย่างแท้จริง...
"บทเรียน" ของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว