เหนือกว่ากฎ...ใต้กว่าร่าง ภาคพิเศษ ตอนที่ 4 (ตอนจบ): TOKYO CROSSING

 ปัง!

เสียงดังจากชั้นบนทำให้เจตน์และกันต์ผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ สัญชาตญาณตำรวจเข้าแทนที่ความปรารถนาในทันที ทั้งสองคนรีบสวมใส่เสื้อผ้ากลับอย่างรวดเร็วแล้วคว้าปืนที่เหน็บซ่อนไว้ออกมา

"ไปดูกัน" เจตน์พูดเสียงเข้ม

เมื่อพวกเขาแง้มประตูห้องออกไป ก็พบกับภาพที่ไม่คาดคิด... "ทานากะ" เป้าหมายของพวกเขากำลังถูก "เคนจิ" และ "เมฆ" กดลงกับพื้นอยู่ตรงโถงทางเดิน!

ปรากฏว่าทีมของเคนจิก็สะกดรอยตามเป้าหมายอีกคนมาที่โรงแรมเดียวกัน และเกิดการต่อสู้ขึ้นเล็กน้อยจนทานากะจนมุม การปรากฏตัวของเจตน์และกันต์ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถจับกุมมือขวาของแก๊งยากูซ่าได้สำเร็จ ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของภารกิจร่วมกันครั้งนี้

หลังจากส่งตัวผู้ต้องหาให้ทางการท้องถิ่นเรียบร้อย บรรยากาศของทีมก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีและโล่งอก

"เพื่อฉลองความสำเร็จของพวกเราในวันนี้" เคนจิพูดขึ้นขณะที่ทุกคนกลับมาถึงโรงแรม "ผมขอเชิญทีมของสารวัตรกันต์ทุกคนไปฉลองกันต่อที่ห้องสวีทของผมคืนนี้ ถือเป็นการเลี้ยงส่งท้าย"

สายตาของเขาจ้องมองมาที่กันต์อย่างมีความหมาย เป็นคำเชิญที่กันต์รู้ดีว่าปฏิเสธไม่ได้

เจตน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มรับที่มุมปาก "เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" เขารับคำท้า...สงครามครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นในคืนนี้

ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันไปเตรียมตัว ดินได้เดินตามเรียวไปที่หน้าห้องของเขา

"คืนนี้...ดีใจที่นายปลอดภัยนะ" ดินพูดขึ้นเบาๆ

เรียวยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ "ขอบคุณนะดินซัง...ที่คอยคุยเป็นเพื่อนผม"

ความใกล้ชิดและบรรยากาศที่เป็นใจทำให้ทั้งสองคนขยับเข้าไปใกล้กันมากขึ้น ก่อนที่ดินจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของเรียวอย่างนุ่มนวล เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจซึ่งกันและกัน...เป็นบทเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่อาจจะสานต่อไปได้อีกยาวไกล

คืนนั้น...ที่ห้องเพนท์เฮาส์สวีทของเคนจิ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงเบาๆ และแอลกอฮอล์ราคาแพง ดินกับเมฆนั่งคุยอยู่กับเรียวที่มุมหนึ่งของห้อง ปล่อยให้สามผู้นำได้เผชิญหน้ากันอย่างเต็มที่

"ผมต้องขอบคุณสารวัตรกันต์เป็นพิเศษ" เคนจิพูดพลางรินแชมเปญให้กันต์ "คุณทำงานได้น่าประทับใจมาก"

"เป็นเพราะทีมเวิร์คที่ดีต่างหาก" กันต์ตอบอย่างถ่อมตัว

"งั้นเรามาดื่มให้กับ 'ทีมเวิร์ค' ของเรากันดีกว่า" เคนจิพูดพลางขยับเข้ามาใกล้กันต์ "โดยเฉพาะ...ทีมเวิร์คระหว่างเราสองคน"

เจตน์ที่นั่งมองอยู่นานก็ลุกขึ้นยืน "ผมว่า 'ทีมเวิร์ค' ที่ดีที่สุด...คือการที่ทุกคนรู้ 'หน้าที่' ของตัวเอง" เขาเดินเข้ามาซ้อนหลังกันต์แล้ววางมือลงบนบ่าอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ "และหน้าที่ของผม...คือการดูแลสารวัตรของผมให้ดีที่สุด...ไม่ให้ใครหน้าไหนมายุ่มย่ามได้"

ความตึงเครียดในห้องเพนท์เฮาส์สวีทแทบจะลุกเป็นไฟ เคนจิและเจตน์ต่างก็จ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมลดละ ราวกับสิงโตสองตัวที่กำลังแย่งชิงอาณาเขต

เคนจิเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน เขาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของกันต์ที่นั่งอยู่บนโซฟา "ผมมี 'ของขวัญ' พิเศษเตรียมไว้ให้คุณนะ สารวัตร"

เจตน์ไม่รอช้า ดึงร่างของกันต์ให้ลุกขึ้นยืนแล้วประทับจูบลงไปอย่างดุดัน เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน

แต่ครั้งนี้ กันต์ไม่ได้ยอมจำนนอยู่เฉยๆ เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อของเจตน์แล้วลูบไล้แผ่นหลังแข็งแรง ก่อนจะหันไปส่งสายตาเย้ายวนให้กับเคนจิ

"ทำไมต้องเลือกด้วยล่ะครับ?" กันต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "ในเมื่อพวกคุณทั้งสองคน...ก็ดูจะต้องการผมเหมือนกัน"

คำพูดของกันต์เหมือนเป็นการจุดชนวนให้ทุกอย่างระเบิดออกมาพร้อมกัน เจตน์อุ้มกันต์ขึ้นแล้วพาไปทิ้งตัวลงบนเตียง เคนจิไม่ยอมน้อยหน้าตามขึ้นไปประกบอีกฝั่ง

ในขณะที่เจตน์กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันต์อย่างรวดเร็ว เคนจิก็โน้มตัวลงไปมอบจูบที่เร่าร้อนให้กับริมฝีปากของสารวัตรหนุ่ม มือของเขาลูบไล้ไปตามหน้าท้องแกร่งอย่างยั่วยุ

และแล้ว ดินกับเรียวที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ พวกเขารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการยืนดูอีกต่อไป

ดินเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วนั่งลงข้างๆ กันต์ เขาเริ่มสัมผัสต้นขาของสารวัตรอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เรียวก็คลานขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่ง แล้วเริ่มปรนเปรอให้กับเจตน์ด้วยริมฝีปากของเขาอย่างตั้งใจ

เมฆที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทีประหม่า เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังเข้าสู่ "โหมดปฏิบัติการพิเศษ" อย่างเต็มรูปแบบ ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องช้าๆ เขามองภาพที่อยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออก

สถานการณ์บนเตียงเริ่มทวีความอลหม่านแต่กลับเป็นระเบียบอย่างน่าประหลาด เจตน์กับเคนจิจับมือกันอย่างรู้ใจ...เป็นการจับมือของสองผู้ล่าที่ตัดสินใจจะ "ล่าเหยื่อ" ตัวเดียวกัน

พวกเขาผลัดกันครอบครองร่างกายของกันต์จากด้านหลัง สอดใส่และกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง ราวกับจะแข่งขันกันว่าใครจะสามารถทำให้สารวัตรหนุ่มครางออกมาได้ดังกว่ากัน

ด้านหน้า เรียวก็ยังคงปรนเปรอให้กับกันต์ด้วยปากและลิ้นอย่างไม่ลดละ ในขณะที่ดินก็ใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้และบีบเคล้นไปทั่วร่างกายของกันต์ สร้างความสุขสมในทุกสัดส่วน

และแล้ว เมฆก็ตัดสินใจคลานขึ้นไปบนเตียงอีกคน เขานั่งลงข้างๆ ดินแล้วเริ่มช่วยปรนเปรอให้กับเรียวบ้าง เป็นการแบ่งเบาภาระและเป็นการเข้าร่วม "เกม" อย่างเต็มตัว

เสียงคราง เสียงหอบหายใจ และเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นไปทั่วห้อง แสงไฟสลัวในห้องส่องกระทบร่างกายที่เปียกชื้นและบิดเร้าด้วยความปรารถนาของชายทั้งหกคน

ในที่สุด กันต์ก็ถึงจุดสุดยอด เขากรีดร้องออกมาด้วยความสุขสมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ร่างกายของเขากระตุกเกร็ง ปลดปล่อยน้ำรักออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งเรียวและดินที่อยู่ด้านหน้า

ภาพนั้นเป็นเหมือนสัญญาณปลดปล่อย เจตน์และเคนจิกระแทกกระทั้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วคำรามลั่น ปลดปล่อยน้ำรักอุ่นร้อนเข้าไปในร่างของกันต์จนหมดสิ้น เรียวที่ได้รับการปรนเปรอจากเมฆก็เสร็จสมตามกันไปติดๆ ในขณะที่ดินและเมฆเองก็ปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมาพร้อมๆ กัน

คราบน้ำรักสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของทุกคนที่อยู่บนเตียง...เป็นสัญลักษณ์ของการรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง

เมื่อทุกอย่างสงบลง ชายทั้งหกคนนอนหอบหายใจอยู่บนเตียงเดียวกันในสภาพเปลือยเปล่า ไม่มีใครลุกไปไหน

แล้วจากนั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...

เจตน์เป็นคนแรกที่โน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากของกันต์อย่างดูดดื่ม เคนจิไม่ยอมน้อยหน้าตามเข้าไปจูบซ้อนอีกคน จากนั้นเรียวก็เข้ามาจูบบ้าง แล้วดินและเมฆก็ผลัดกันเข้ามามอบจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเสน่หา ความขอบคุณ และความปรารถนาที่ยังคงคุกรุ่นอยู่

มันเป็นการจูบที่เมามันส์และไร้ขีดจำกัด ทุกคนผลัดกันจูบกันและกันอย่างเปิดเผยและเต็มใจ ราวกับเป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแน่นแฟ้นที่พวกเขาสร้างขึ้นมาตลอดการเดินทางในครั้งนี้

เมื่อพายุแห่งความปรารถนาสงบลง ชายทั้งหกคนก็นอนหอบหายใจอยู่บนเตียงและรอบๆ เตียงในสภาพเปลือยเปล่าและหมดแรง กลิ่นอายของเหงื่อและน้ำรักคละคลุ้งไปทั่วห้องเพนท์เฮาส์สุดหรู เป็นเครื่องยืนยันถึงค่ำคืนอันดุเดือดที่เพิ่งผ่านพ้นไป

แสงแรกของวันใหม่ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ปลุกให้กันต์ตื่นขึ้นเป็นคนแรก เขารู้สึกเจ็บระบมไปทั่วทั้งร่าง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของเจตน์ที่ยังคงหลับสนิท เคนจิก็นอนอยู่ไม่ไกลนัก ลมหายใจสม่ำเสมอ ส่วนอีกมุมหนึ่งของเตียง ดินกับเรียวนอนกอดกันกลมอย่างมีความสุข และเมฆก็หลับอยู่บนโซฟาใกล้ๆ

สักพักใหญ่ เจตน์กับเคนจิก็ตื่นขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน สายตาของทั้งสองสบกันเหนือร่างของกันต์ที่แกล้งหลับตาอยู่ แต่บรรยากาศของความเป็นศัตรูได้จางหายไปจนหมดสิ้นแล้ว

"เขาเป็นของคุณ" เคนจิพูดขึ้นเบาๆ เป็นภาษาอังกฤษ เป็นการยอมรับอย่างลูกผู้ชาย

เจตน์ยิ้มมุมปาก "ผมรู้...แต่ก็ขอบคุณที่ช่วย 'ดูแล' เขาเมื่อคืน" เขาตอบกลับด้วยความนัยเดียวกัน

มันคือสัญญาสงบศึกที่ทั้งสองคนเข้าใจตรงกัน พวกเขาอาจจะยังคงเป็นคู่แข่งกันอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ยอมรับในความแข็งแกร่งและความปรารถนาของกันและกัน และก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่แปลกประหลาดขึ้นมา

หลังจากที่ทุกคนจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว วันสุดท้ายในโตเกียวก็เริ่มต้นขึ้นด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เคนจิและเรียวทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม พวกเขาประกาศให้เป็น "วันพักผ่อน" และพาทุกคนไปเดินช้อปปิ้งในย่านกินซ่าและโอโมเตะซันโด ดินกับเรียวเดินจับมือกันอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป ส่วนเมฆก็ตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่ได้เห็น

ในช่วงบ่าย เคนจิได้พาทุกคนไปยังร้านค้าแห่งหนึ่งในตรอกเล็กๆ ของย่านอากิฮาบาระ หน้าร้านดูเหมือนร้านขายของสะสมทั่วไป แต่เมื่อเข้าไปข้างใน...ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือสถานที่พิเศษ

"พวกผมมีของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ จะมอบให้ทีมของคุณ" เรียวพูดขึ้นอย่างร่าเริง ก่อนที่เคนจิจะยื่นกล่องกำมะหยี่สีดำสวยหรูให้กับกันต์เป็นคนแรก

กันต์เปิดกล่องออกอย่างงุนงง ข้างในนั้นคือ ป้ายด็อกแท็ก (Dog Tag) ที่ทำจากไทเทเนียมสีดำด้าน สลักชื่อเล่นของเขาว่า "GUN" อย่างสวยงาม แต่เมื่อเขาพลิกไปดูด้านหลัง...ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ด้านหลังสลักวันที่ของวันนี้และคำว่า "TOKYO" ไว้ และใต้ลงไปนั้นมีคำสั้นๆ คำหนึ่งที่ทรงพลังอย่างที่สุด...

PROPERTY

"พวกคุณทุกคนก็ได้เหมือนกันครับ" เคนจิพูดพลางยื่นกล่องที่เหลือให้เจตน์, ดิน, และเมฆ

ทุกคนเปิดกล่องของตัวเองออกดู ป้ายแต่ละอันสลักชื่อเล่นของเจ้าของไว้...JET, DIN, MEK...และด้านหลังก็มีข้อความเดียวกันทั้งหมด มันคือของที่ระลึกที่ตอกย้ำถึงความเป็น "ทีม" และความเป็น "เจ้าของ" ซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เจตน์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ดินหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ในขณะที่เมฆได้แต่หน้าแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูก

เวลาแห่งความสนุกผ่านไปอย่างรวดเร็ว...และในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องอำลา

การร่ำลาที่สนามบินนาริตะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ดินกับเรียวสวมกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย "แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ นะ" เรียวพูดเสียงสั่น

เคนจิจับมือกับเจตน์แน่น "ดูแลทีมของคุณให้ดี...และดูแล 'สมบัติ' ของพวกคุณด้วย" เขาพูดพลางปรายตาไปทางป้ายด็อกแท็กที่คล้องอยู่บนคอของกันต์ใต้เสื้อเชิ้ต

"ไม่ต้องห่วง" เจตน์ตอบ "ผมดูแลของของผมดีอยู่แล้ว"

บนเครื่องบินขากลับกรุงเทพฯ กันต์เอนศีรษะซบลงบนไหล่ของเจตน์อย่างเหนื่อยอ่อน ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ป้ายไทเทเนียมเย็นๆ ที่คล้องคออยู่อย่างเผลอไผล

"กลับบ้านเราซะที" เจตน์พูดพลางกุมมือของเขาไว้แน่น

กันต์หลับตาลง...เขารู้ดีว่าพอกลับไปถึงบ้าน "บทลงโทษ" และ "บทสรุป" ที่แท้จริงของทริปนี้ยังคงรอเขาอยู่ ของที่ระลึกชิ้นใหม่นี้คงจะเป็นเครื่องยืนยันสถานะของเขาไปอีกนาน...และเขาก็พร้อมที่จะรับมันแต่โดยดี