อากาศจากเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ แต่เหงื่อเม็ดเล็กๆ กลับผุดขึ้นตามไรผมของสิบตำรวจตรีเมฆา หรือ "เมฆ"
เขายืนตัวตรงแน่วอยู่หน้าบานประตูไม้สีเข้มที่ติดป้ายทองเหลืองสลักตัวอักษรคมกริบ ‘หน่วยสืบสวนสอบสวน’ ที่ทำงานในฝันซึ่งเขาไม่เคยคิดว่าจะได้มาเหยียบเร็วขนาดนี้ หน่วยที่ขึ้นชื่อว่ามีผลงานโดดเด่นที่สุดในกองบัญชาการ การได้ย้ายมาประจำที่นี่ตั้งแต่วันแรกหลังจบการฝึกถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุด และก็น่าประหวั่นพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน
เครื่องแบบสีกากีที่เพิ่งเบิกมาใหม่ยังดูแข็งทื่อไม่เข้าที่เข้าทาง เขารู้สึกเหมือนเด็กนักเรียนที่กำลังจะเข้าห้องปกครองมากกว่านายตำรวจหนุ่มไฟแรงที่พร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง
เมฆสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ย้ำกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยว่าห้ามทำอะไรเปิ่นๆ เด็ดขาด ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งตามระเบียบ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะของเขาดังกว่าที่คิดจนน่าใจหาย
ประตูไม่ได้ล็อก มันแง้มเปิดออกทันทีที่เขาเคาะเสร็จ เผยให้เห็นห้องทำงานขนาดใหญ่ที่ดูวุ่นวายแต่ก็เป็นระเบียบ แสงไฟนีออนสว่างจ้าสะท้อนกับพื้นกระเบื้องที่ขัดจนขึ้นเงา
"เข้ามาเลยน้อง!"
เสียงทุ้มๆ ที่ดังขึ้นทำให้เมฆสะดุ้งเล็กน้อย ชายร่างหนาในเสื้อยืดลำลองของตำรวจกำลังโบกมือเรียกเขาอยู่ข้างโต๊ะทำงานที่ค่อนข้างรก รอยยิ้มที่เป็นมิตรของอีกฝ่ายทำให้ความประหม่าของเมฆลดลงไปหลายส่วน
"สิบตำรวจตรีเมฆา...รายงานตัวครับ!"
"เออๆ ตามสบายเลย พี่หมวดดินนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้" ดินตบบ่าเขาปุๆ อย่างเป็นกันเอง
แต่แล้วบรรยากาศที่เริ่มจะผ่อนคลายก็พลันหนักอึ้งราวกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง
ประตูห้องทำงานด้านในสุดเปิดออก ร่างสูงสง่าของชายคนหนึ่งก้าวออกมา ทุกการเคลื่อนไหวของเขาองอาจและเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เครื่องแบบตำรวจบนร่างนั้นรีดเรียบกริบทุกกระเบียดนิ้วจนแทบจะสะท้อนแสงได้ สันกรามคมคายรับกับดวงตาเรียวคมที่มองมายังเมฆอย่างประเมินผล
หัวใจของเมฆเต้นผิดจังหวะ นี่คือสารวัตรกันต์...หัวหน้าหน่วยที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเล่าลือ
"สิบตำรวจตรีเมฆา..." น้ำเสียงของสารวัตรกันต์เรียบสนิท แต่กลับทรงพลังจนเมฆต้องรีบยืนตรงทำความเคารพอีกครั้ง "ยินดีต้อนรับสู่หน่วยสืบสวน ขอให้ตั้งใจทำงาน"
"ครับท่านสารวัตร!"
"ดิน ฝากดูแลน้องด้วย" เขาสั่งการสั้นๆ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกกดดันที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้จริง
เมฆลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แค่โดนมองก็รู้สึกเหมือนถูกสแกนไปถึงกระดูกสันหลังแล้ว สมคำร่ำลือจริงๆ
"สารวัตรแกก็มาดนี้แหละ ไม่ต้องคิดมาก" หมวดดินพูดเหมือนอ่านใจเขาออก "จริงๆ แกใจดีนะเว้ย...แค่ไม่ค่อยยิ้ม"
ยังไม่ทันที่เมฆจะได้พูดอะไรต่อ ประตูทางเข้าหน่วยก็เปิดออกอีกครั้ง
การมาถึงของชายคนนี้แตกต่างจากสารวัตรกันต์โดยสิ้นเชิง เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพ ดูสุขุมและใจดีในทุกอิริยาบถ แม้จะอยู่ในเครื่องแบบเต็มยศเหมือนกัน แต่กลับให้ความรู้สึกเข้าถึงง่ายกว่ามาก
"อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน"
"หวัดดีครับผู้กอง" หมวดดินทักทายกลับไป
ผู้กองเจตน์...รองสารวัตรของหน่วยนั่นเอง เมฆรีบทำความเคารพอย่างแข็งขัน
ผู้กองหนุ่มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปทางห้องทำงานของสารวัตรกันต์แล้วถามขึ้น "สารวัตรเข้ามารึยังดิน?"
"เรียบร้อยครับ อยู่ในห้องนั่นแหละ"
"โอเค ขอบใจมาก" เจตน์พูดจบก็เดินตรงไปยังห้องนั้น
และในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านหน้าเมฆไปนั่นเอง...ในจังหวะที่สารวัตรกันต์ยังคงเป็นเพียงแผ่นหลังกว้างที่อยู่ในห้องทำงาน...
เมฆก็เห็นมัน...
สายตาของผู้กองเจตน์ที่ทอดมองแผ่นหลังนั้น...วูบหนึ่งที่เมฆรู้สึกว่ามันไม่ใช่สายตาของเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่มองผู้บังคับบัญชา มันลึกล้ำกว่านั้น...ฉายชัดถึงความปรารถนาอันแรงกล้าและการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปกลับกลายเป็นแววตาปกติในชั่วพริบตาที่เขาหันมาพยักหน้าให้เมฆอีกครั้งแล้วเดินเข้าห้องไป
เมฆยืนนิ่งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกเย็นวาบแล่นผ่านสันหลัง เขาเห็นอะไรเมื่อกี้? หรือเพราะเขาประหม่าเกินไปจนตาฝาด...คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ...
เขาคงแค่คิดมากไปเอง
[POV: สารวัตรกันต์]
เสียงเปิดประตูห้องทำงานทำให้สารวัตรกันต์ละสายตาจากแฟ้มคดีบนโต๊ะ ผู้กองเจตน์เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่กันต์รู้ดีว่ามันเป็นเพียงฉากหน้าที่ใช้กับคนทั้งโลก
"มีคดีใหม่เข้ามาครับสารวัตร" เจตน์พูดพลางยื่นแฟ้มในมือให้
กันต์รับมาเปิดดู เขาบังคับให้ตัวเองจดจ่ออยู่กับตัวอักษรและรูปภาพในเอกสาร แต่สมาธิของเขากลับถูกดึงไปที่สายตาคมกริบที่กำลังแทะโลมเขาอยู่เงียบๆ จากฝั่งตรงข้าม
บ่ายวันนั้น กันต์เรียกประชุมทีมในห้องทำงานของเขา เมฆนั่งตัวตรงแน่วอยู่มุมห้อง แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเด็กใหม่ ส่วนดินก็ยังคงสบายๆ เหมือนเคย และเจตน์...เจตน์ก็นั่งอยู่ตรงนั้น มองมาที่เขา
กันต์เกลียดมัน...เกลียดสายตาที่เหมือนจะเปลื้องผ้าเขาออกทีละชิ้นต่อหน้าลูกน้องคนอื่น เกลียดที่ต้องฝืนเก็บอาการ ควบคุมกล้ามเนื้อทุกมัดไม่ให้กระตุกเกร็ง เกลียดที่ต้องเปล่งเสียงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ทั้งที่ในใจกำลังสั่นไหว
แต่ในความเกลียดชังนั้น...กลับมีความรู้สึกอย่างอื่นที่อันตรายกว่าซ่อนอยู่
ความตื่นเต้น...ที่ได้ท้าทายอำนาจมืดนี้
เมื่อการประชุมจบลง ดินกับเมฆก็แยกย้ายกันออกไปทำงานต่อ เหลือเพียงเขากับเจตน์ที่ยังอยู่ในห้อง กันต์แสร้งทำเป็นสนใจเอกสารต่อ ไม่ยอมสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งความเงียบเข้าปกคลุม บ่งบอกว่าพระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ดินกับเมฆคงกลับบ้านไปแล้วเช่นกัน
กันต์ถอนหายใจยาว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เป็นครั้งแรกในรอบวันที่เขาได้ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายลงบ้าง
แต่สันติสุขอยู่กับเขาได้ไม่นาน
ประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกอีกครั้งอย่างเงียบกริบ ผู้กองเจตน์ก้าวเข้ามายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ กันต์รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้จนหัวใจเต้นระรัว
"มีอะไรผู้กอง?" เขาถามออกไป พยายามคุมเสียงให้เรียบที่สุด
เจตน์ไม่ตอบ แต่กลับวางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของกันต์อย่างหนักแน่นและถือสิทธิ์ ความร้อนจากฝ่ามือนั้นซึมผ่านเนื้อผ้าของเครื่องแบบเข้ามาจนผิวเนื้อของเขาสะท้าน
ชายหนุ่มโน้มตัวลงจนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดที่ข้างหู
"พรุ่งนี้...คุยเรื่องคดีกันต่อนะครับ..."
เสียงของเจตน์ทุ้มต่ำและแหบพร่า ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำที่เปลี่ยนความหมายของทุกสิ่ง
"...สารวัตร"