เหนือกว่ากฎ...ใต้กว่าร่าง ตอนที่ 3: เจ้าของตัวจริง

 [POV: หมู่เมฆ]

เสียงของสารวัตรกันต์ที่สั่นพร่าและแดงก่ำไปทั้งใบหูนั้นยังคงติดอยู่ในหัวของเมฆ เขากำลังจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น...

"อ้าว! เป็นไงกันบ้างครับ ได้อะไรเพิ่มมั้ย?"

เสียงของหมวดดินที่ดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอนทำให้ทุกคนในห้องสะดุ้งโหยงราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ผู้กองเจตน์ผละออกจากร่างของสารวัตรกันต์ในเสี้ยววินาที กลับไปยืนในท่าทีสุขุมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สารวัตรกันต์รีบลุกขึ้นยืนและจัดเครื่องแบบของตัวเองให้เข้าที่ ใบหน้าคมคายนั้นแดงซ่านเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเรียบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว

เหลือเพียงเมฆที่ยังยืนอ้าปากค้าง หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมานอกอก

"ได้รอยนิ้วมือแฝงนิดหน่อย" ผู้กองเจตน์ตอบกลับไปเสียงเรียบ "แล้วทางนั้นล่ะ ได้ภาพจากกล้องรึยัง?"

"เรียบร้อยครับ เห็นหน้าคนร้ายชัดเลย เดี๋ยวกลับไปเช็คประวัติที่โรงพักก็น่าจะรู้ตัว" หมวดดินรายงานอย่างกระตือรือร้น โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นบรรยากาศมาคุที่เพิ่งจางหายไป

"ดีมาก" สารวัตรกันต์พูดเสียงเข้ม "งั้นปิดจ๊อบ กลับโรงพักกันได้"

เมฆเดินตามพวกรุ่นพี่ออกมาจากอะพาร์ตเมนต์อย่างเงียบเชียบ ในหัวของเขามีแต่ภาพ "บทเรียน" เมื่อครู่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา มันไม่ใช่การสอนงาน...มันคืออย่างอื่น...อย่างอื่นที่ทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

บ่ายวันนั้น ทีมก็สามารถตามจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็วตามคาด

คดีปิดลงอย่างง่ายดาย แต่เรื่องราวระหว่างคนสองคน...เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

[POV: สารวัตรกันต์]

เจตน์ปิดประตูแล้วลงกลอน ทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งๆ และเสียงหัวใจของกันต์ที่เต้นระรัวอยู่ในอก

"เมื่อตอนบ่าย...ดูเหมือนสารวัตรจะยัง 'เรียน' ไม่จบบทใช่ไหมครับ" เจตน์เดินเข้ามาประชิดตัวช้าๆ แววตาของเขาคมกริบและฉายชัดถึงความต้องการที่ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป

กันต์ถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบ "ที่นี่มันสถานีตำรวจนะเจตน์" เขาพยายามใช้เหตุผลเข้าสู้ แม้จะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์

"ก็ใช่ไงครับ" เจตน์ยิ้มมุมปาก "ที่นี่มันปลอดภัยที่สุด ไม่มีใครเข้ามารบกวน 'การทบทวนคดี' ของเราได้"

เขาไม่เปิดโอกาสให้กันต์ได้โต้ตอบอีก รวบตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแล้วผลักให้เดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ กันต์เห็นภาพสะท้อนของตัวเองในนั้น...นายตำรวจหนุ่มในเครื่องแบบเต็มยศที่กำลังถูกพันธนาการด้วยสองแขนของลูกน้องในปกครอง ภาพนั้นกระตุ้นความรู้สึกอัปยศและตื่นเต้นในใจของเขาให้พุ่งสูงขึ้นพร้อมๆ กัน

"มองสิกันต์...มองภาพที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้" เจตน์กระซิบเสียงพร่าอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดต้นคอจนกันต์ขนลุกชันไปทั้งตัว

ร่างกายของเจตน์ที่สูงใหญ่กว่าเล็กน้อยเบียดชิดเข้ามาจากด้านหลังจนแทบไม่มีช่องว่าง มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังและช่วงเอวของกันต์อย่างสำรวจ คล้ายกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

"เครื่องแบบของคุณ...มันตัดเย็บได้ดีจริงๆ" เจตน์พึมพำ "แต่ผมสงสัยมาตลอด...ว่าคุณซ่อนความลับอะไรไว้ใต้ความเนี้ยบกริบนี้บ้าง"

นิ้วของเขาไล้ลงต่ำ ผ่านสะโพกที่แน่นตึงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ กันต์สะดุ้งเมื่อปลายนิ้วของเจตน์กรีดไปตามแนวตะเข็บด้านหลังของกางเกงเครื่องแบบ ก่อนจะหยุดลงที่จุดหนึ่ง...ที่ซ่อนของหัวซิปโลหะขนาดเล็กที่ถูกเย็บซ่อนไว้อย่างแนบเนียน

"เจอแล้ว..."

รรืดดดดด...

เสียงซิปที่ซ่อนอยู่ตรงเป้าหลังของกางเกงถูกรูดเปิดออกอย่างช้าๆ มันเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในความเงียบงัน แต่กลับดังก้องอยู่ในโสตประสาทของกันต์ ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นกางเกงของเขาที่แยกออกจากกัน เผยให้เห็นสายรัดของ Jockstrap สีดำที่โอบอุ้มบั้นท้ายของเขาเอาไว้

เจตน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ "คิดไม่ถึงเลยนะ...ว่าสารวัตรผู้เถรตรงจะเตรียมพร้อมรับผมขนาดนี้"

เขาใช้มือข้างเดียวรวบข้อมือทั้งสองของกันต์ไว้แล้วกดลงกับโต๊ะสอบสวนที่เย็นเฉียบ จัดท่าทางของสารวัตรหนุ่มให้โน้มตัวไปข้างหน้า อยู่ในท่าที่พร้อมรองรับการลงทัณฑ์อย่างสมบูรณ์แบบ

กันต์ได้ยินเสียงหัวเข็มขัดของเจตน์ที่ถูกปลดออก ตามด้วยเสียงซิปกางเกงของเจ้าตัวที่ถูกรูดลง เขาหลับตาแน่น ไม่กล้ามองภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในกระจกอีกต่อไป

"ลืมตาสิกันต์...ผมอยากให้คุณเห็น" เจตน์ออกคำสั่งเสียงเข้ม

สัมผัสอุ่นชื้นจากปลายนิ้วของเจตน์ที่แตะลงบนช่องทางของเขาทำให้กันต์สะดุ้งเฮือก เจตน์หยิบเจลหล่อลื่นขวดเล็กที่พกติดตัวไว้เสมอออกมา ก่อนจะชโลมมันลงบนนิ้วและค่อยๆ สอดนำทางเข้าไปอย่างใจเย็นเพื่อเตรียมความพร้อมให้เขา ความรู้สึกเย็นวาบของเจลที่ผสมกับความร้อนจากร่างกายของเจตน์ทำให้กันต์แทบคลั่ง

เมื่อเห็นว่ากันต์พร้อมแล้ว เจตน์ก็จ่อแก่นกายที่ร้อนผ่าวของเขาเข้ากับปากทาง ก่อนจะเริ่มสอดใส่ความเป็นตัวตนเข้ามาอย่างช้าๆ ทว่าหนักแน่นและมั่นคง

"อึก..." กันต์กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ความรู้สึกของการถูกเติมเต็มจนแน่นตึงไปหมดทำให้สมองของเขาพร่าเบลอ เขามองภาพตัวเองในกระจก...ใบหน้าที่แดงก่ำและบิดเบี้ยวด้วยความเสียดเสียว

"ดีมาก...อย่างนั้นแหละ" เจตน์กระซิบชม ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบแต่ลึกซึ้ง ทุกครั้งที่เขาถอนตัวออกไปจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้ามาใหม่ กันต์ก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากขึ้นไปบนสวรรค์แล้วโยนกลับลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียงเนื้อกระทบกันที่หยาบโลนดังสะท้อนอยู่ในห้องสอบสวน กันต์หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนหรือสะกดกลั้นเสียงของตัวเองอีกต่อไป เขาได้แต่ปล่อยให้เสียงครางหลุดลอดออกมาจากลำคอตามแรงอารมณ์ที่ถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์

"เรียกชื่อผมสิ...ให้ผมได้ยินว่าคุณเป็นของใคร"

"อ๊ะ...อ๊า...เจตน์...ผู้กอง...อ๊าา!"

"ดีมาก...เด็กดีของผม"

เจตน์เร่งจังหวะขึ้นอีก เปลี่ยนจากความลึกซึ้งมาเป็นความเร็วที่ดุดันจนกันต์แทบขาดใจ สะโพกของเขาสั่นสะท้านไปตามแรงกระแทกที่ไม่หยุดหย่อน ในที่สุด เมื่อเจตน์กระแทกย้ำเข้าไปในจุดกระสันของเขาซ้ำๆ ความสุขสมมหาศาลก็ระเบิดออกมาราวกับเขื่อนแตก แก่นกายของเขาที่ยังถูกกักเก็บอยู่ภายในกางเกงกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง ปลดปล่อยหยาดน้ำแห่งความปรารถนาออกมาจนชื้นแฉะ...เป็นความรู้สึกของการถึงจุดสุดยอดที่ทั้งอัดอั้นและรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

แรงตอดรัดจากภายในของกันต์ส่งผลให้เจตน์มาถึงขีดจำกัดเช่นกัน ชายหนุ่มคำรามลั่นในลำคอ ก่อนจะปลดปล่อยทุกหยาดหยดที่ร้อนระอุเข้ามาในร่างกายของกันต์จนหมดสิ้น

ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมห้องอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนสองคนที่ยังไม่สงบลง เจตน์ยังคงแช่ค้างกายอยู่ในตัวของกันต์ ปล่อยให้คนใต้ร่างได้ซึมซับความรู้สึกของการถูกครอบครองอย่างเต็มเปี่ยม เขาก้มลงจูบซับเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนแผ่นหลังของกันต์อย่างแผ่วเบา

"จำไว้นะกันต์..." เขาพูดเสียงทุ้มข้างหูที่ยังอื้ออึง "...ว่าใครคือ 'เจ้าของ' ที่แท้จริงของคุณ"