พี่เอกถอนหายใจยาวขณะเดินตรวจตราไปตามทางเดินที่เงียบสงัดของชั้น 5 ในห้างสรรพสินค้า "เดอะ แกรนด์" ช่วงบ่ายวันธรรมดาคือช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับ รปภ. วัยกลางคนอย่างเขา มันเงียบเหงาและซ้ำซากจนแทบจะหลับได้ แต่แล้วสัญชาตญาณที่ถูกฝึกฝนมานานหลายปีก็บอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เสียง...มันไม่ใช่เสียงคนคุยกัน แต่เป็นเสียงหอบหายใจหนักๆ และเสียงทุ้มๆ ที่ดังเป็นจังหวะลอดออกมาจากห้องน้ำชายที่อยู่สุดทางเดิน
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย พี่เอกค่อยๆ ย่องเข้าไป แง้มประตูห้องน้ำรวมที่หนักอึ้งเข้าไปอย่างเงียบเชียบ กลิ่นสบู่เหลวผสมกับกลิ่นอับจางๆ ปะทะเข้ากับจมูก ภาพที่เห็นทำให้เขาต้องรีบดึงประตูให้ปิดกลับ แต่ก็ยังเร็วไม่พอที่จะลบภาพติดตา...ในห้องน้ำย่อยห้องในสุดที่ประตูแง้มอยู่ เขามองเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กนักเรียนชายสองคนในท่าทีที่ทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดอย่างประหลาด ความรู้สึกที่ทั้งตื่นตระหนกและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้มือของเขาสั่นเทา เขารีบถอยออกมาแล้วคว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมากด
"ศูนย์...ศูนย์...นี่เอกประจำจุดชั้น 5" เขากระซิบเสียงสั่น พยายามควบคุมไม่ให้มันฟังดูผิดปกติ "แจ้งเหตุ...เอ่อ...เหมือนมีนักเรียนตีกันในห้องน้ำชายครับ เสียงดังเลย...ขอเจ้าหน้าที่ช่วยมาตรวจสอบหน่อยครับ" เขาเลือกที่จะโกหก...เพราะไม่กล้าที่จะพูดความจริงออกไป
เสียงวิทยุสื่อสารนั้นดังขึ้นในรถตำรวจที่กำลังวิ่งตรวจตราอยู่ไม่ไกลจากห้างฯ ผู้กองเจตน์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหยิบวอขึ้นมาตอบรับ "หน่วยสืบสวนรับทราบ เราอยู่ใกล้ที่สุด จะเข้าไปดูเอง"
เขาหันไปมองสารวัตรกันต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ และสิบตำรวจตรีเมฆาที่นั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งสามคนอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจอื่นมาหมาดๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่พวกเขาจะปรากฏตัวในที่เกิดเหตุด้วยเครื่องแบบอันทรงเกียรติ
"ดูเหมือนเราจะมี 'คดี' ด่วนให้ทำนะ" เจตน์พูดพลางยิ้มมุมปาก
เมื่อนายตำรวจทั้งสามนายมาถึงชั้น 5 กลิ่นสบู่และน้ำหอมผสมปนเปกับกลิ่นสาบของวัยรุ่นและเหงื่อก็ลอยมาแตะจมูก พวกเขาพบพี่เอก รปภ. ยืนหน้าซีดรออยู่แล้ว เขารีบพาทั้งสามคนไปยังห้องน้ำที่เกิดเหตุ
"อยู่ในห้องน้ำห้องในสุดเลยครับ ผมล็อกประตูจากด้านนอกไว้แล้ว" พี่เอกรายงาน
เจตน์พยักหน้าให้พี่เอกเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก พวกเขาก็พบกับเด็กหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนมัธยมปลายที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย คนหนึ่งคือ "ต้น" นักเรียนมัธยมปลายตัวสูงโปร่งที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการและมีแววตาท้าทาย ส่วนอีกคนคือ "พีท" ที่ดูตื่นกลัวมากกว่า
"ทำอะไรกันอยู่ รู้ไหมว่ามีความผิด" กันต์ถามขึ้นเป็นคนแรก เสียงของเขานิ่งเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจที่ทำให้เด็กทั้งสองตัวสั่น
ต้นรีบดึงกางเกงขึ้น แต่สายตายังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย เขามองสำรวจเครื่องแบบของตำรวจทั้งสามอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะยิ้มมุมปาก "จะจับผมเหรอครับ...หรือจะร่วมด้วย?"
ประโยคเดียวจากต้นทำให้บรรยากาศในห้องน้ำตึงเครียดขึ้นทันที เจตน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินไปล็อกประตูห้องน้ำรวมจากด้านในอย่างใจเย็น "ดี...ชอบความกล้า"
แต่คนที่เข้าควบคุมสถานการณ์กลับเป็นกันต์ เขากลับมาสวมบทบาท "สารวัตร" อย่างเต็มตัว "ในเมื่อพวกนายอยากจะทำความผิดซึ่งๆ หน้า...ฉันก็จะ 'สอบสวน' พวกนายตรงนี้แหละ"
สายตาคมกริบของสารวัตรจับจ้องไปที่พีท "นายชื่ออะไร?" "พ...พีทครับ" กันต์เดินเข้าไปประชิดตัวพีทช้าๆ จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังไปติดผนังกระเบื้องที่เย็นเฉียบ "แล้วนี่เพื่อนแก?" เขาเลิกคิ้วมองต้น พีทพยักหน้าหงึกหงัก "มาทำอะไรกันที่นี่?" กันต์ถามต่อ พีทหน้าซีดเผือด ไม่กล้าตอบ
"เมฆ" กันต์เรียกชื่อลูกน้องโดยไม่ได้ละสายตาจากพีท "มานี่...ดูให้ดีนะว่าการกดดันคนที่อ่อนแอกว่าต้องทำยังไง" เขากระซิบกับเมฆที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหันกลับไปจ้องพีทอีกครั้ง "ตอบมาสิพีท...อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ"
พีทเหลือบมองต้นอย่างลังเล ก่อนจะหลุบตาต่ำ "คือ...คือต้นมันชวนมาครับ" "หึ" กันต์แสยะยิ้ม "แล้วแกก็เต็มใจสินะ?" "ก็...ก็ใช่ครับ" พีทตอบเสียงอ่อย
ต้นเห็นเพื่อนถูกกดดันก็เริ่มหงุดหงิด "พอได้แล้ว! จะทำอะไรก็ทำมา!"
เจตน์ที่ยืนมองเกมอย่างพอใจจึงเดินเข้าไปหาต้น ช้อนคางเด็กหนุ่มขึ้นมา "อยากให้ทำอะไร?" ต้นชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังเชิดหน้า "ก็บอกแล้วไง...จะจับก็จับ หรือจะร่วมก็ร่วม!" "แกนี่น่าสนใจ..." เจตน์หัวเราะหึๆ ในลำคอ "งั้นไปจัดการพี่ รปภ. นั่นซะ...ไปพิสูจน์ความกล้าของแกให้ฉันดูหน่อย" เขาพยักพเยิดไปทางพี่เอกที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าประตู
ต้นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่านี่อาจจะเป็นทางรอดเดียว เขาก็ยอมเดินเข้าไปหาพี่เอกแล้วเริ่มใช้คำพูดและสายตาคุกคามในแบบของตัวเอง
แต่ทันใดนั้นเอง...
ก๊อกๆๆ!
เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด พร้อมกับเสียงเรียก "ขอโทษนะครับ! มีใครอยู่ข้างในรึเปล่าครับ?"
ทุกคนในห้องน้ำเงียบกริบ! หัวใจของเมฆและพวกเด็กนักเรียนแทบจะหยุดเต้น พี่เอกรีบตะโกนกลับไปอย่างรวดเร็ว "ห้องน้ำปิดปรับปรุงชั่วคราวครับ! ขออภัยด้วย!"
เมื่อเสียงฝีเท้าด้านนอกเดินจากไป เจตน์ก็สบถออกมาเบาๆ กันต์หันมาสบตากับเจตน์ "ที่นี่เสี่ยงเกินไปแล้ว" "ผมก็คิดอย่างนั้น" เจตน์เห็นด้วย เขาหันไปจ้องหน้าพี่เอกที่เหงื่อแตกพลั่ก "ห้องทำงานของคุณ...ห้องควบคุม...อยู่ที่ไหน? ที่ที่ไม่มีใครมายุ่ง" "ทะ...ทางนี้ครับ" พี่เอกรีบเดินนำทางไปยังห้องทำงานเล็กๆ ของเขาที่อยู่ไม่ไกลกัน เมื่อทุกคนเข้าไปข้างในจนครบแล้ว ประตูก็ถูกล็อกอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง...และบทเรียนที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
บรรยากาศในห้องทำงานของ รปภ. นั้นคับแคบและร้อนระอุยิ่งกว่าในห้องน้ำ แผงจอมอนิเตอร์ที่ดับมืดสะท้อนภาพเงาของชาย 6 คนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากัน เจตน์ไม่พูดอะไรอีก แต่เขาเดินตรงเข้าไปหากันต์ ผลักร่างของสารวัตรให้พิงกับผนังแล้วมอบจูบที่ดุดันเป็นการเปิดฉาก ประกายไฟที่ถูกจุดขึ้นโดยผู้นำทั้งสองก็ลามไปทั่วห้องที่คับแคบนั้นอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณดิบเข้าครอบงำทุกคนโดยสมบูรณ์
ความโกลาหลที่เจตน์จุดประกายขึ้น บัดนี้ได้มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว
ที่หน้าตู้ล็อกเกอร์เหล็ก เมฆที่ตอนนี้ความกลัวได้แปรเปลี่ยนเป็นความกล้าและความอยากรู้อยากเห็นจนหมดสิ้น ก็กำลังพลิกบทบาทจากผู้ถูกกระทำมาเป็นผู้ควบคุม เขาผลักพี่เอก รปภ. ให้พิงตู้แล้วกระซิบข้างหู "ถึงตาผม 'สอบสวน' คุณบ้างแล้วนะ...พี่เอก" เขาเริ่มด้วยการจูบที่รุนแรงเพื่อแสดงอำนาจ ก่อนจะใช้มือลูบไล้ไปทั่วร่างกายของชายวัยกลางคนที่ยอมจำนนโดยสิ้นเชิง เสียงครางในลำคอของพี่เอกดังขึ้นเบาๆ เมื่อถูกนายตำรวจหนุ่มปรนเปรอด้วยริมฝีปากอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ขณะเดียวกัน ที่อีกมุมของห้อง ต้นผู้คึกคะนองกำลังกดเพื่อนของตัวเองลงกับพื้น รุกเร้าด้วยความรุนแรงราวกับสัตว์ป่า เป็นการแสดงอำนาจและความเหนือกว่าเพื่อชดเชยความกลัวที่เกิดขึ้นในตอนแรก "ร้องดังๆ สิพีท! ให้พวกตำรวจมันได้ยินว่าเราสนุกกันแค่ไหน!" เขาคำราม
แต่ศูนย์กลางของพายุลูกนี้ยังคงเป็นเจตน์และกันต์
เจตน์รู้ดีว่ากันต์ชอบความเสี่ยงแบบ "คาชุด" เขาจึงยังคงไม่ถอดเสื้อเชิ้ตเครื่องแบบของกันต์ออก แต่กลับใช้ความชำนาญรูดซิปหลังกางเกงของอีกฝ่ายลง แล้วเริ่มต้นสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปจากเบื้องหลังอย่างหนักหน่วง กันต์แอ่นกายรับสัมผัสที่คุ้นเคย เขายังคงอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อน...สัญลักษณ์แห่งอำนาจที่กำลังถูกรุกรานอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่แล้วความวุ่นวายก็เพิ่มขึ้นอีกระดับ เมื่อต้นที่เบื่อเพื่อนของตัวเองแล้ว หันมาเห็นเมฆที่กำลังคุมเกมเหนือพี่เอกอยู่ ด้วยความหมั่นไส้ระคนอยากลองดี เขาจึงผละออกจากเพื่อนแล้วคลานเข้าไปหาเมฆจากด้านหลัง ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าบั้นท้ายของเมฆบีบเคล้น "คุณตำรวจ...ดูน่าสนุกจังเลยนะ"
เมฆชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขากลับรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกที่มีคนเข้ามาร่วมวงด้วย เขาหันไปยิ้มเย้ยให้ต้น ก่อนจะหันกลับไปปรนเปรอให้พี่เอกต่ออย่างไม่หยุดหย่อน ปล่อยให้ต้นได้สำรวจร่างกายของเขาจากด้านหลังอย่างอิสระ สถานการณ์ตอนนี้คือเมฆที่กำลังรุกพี่เอก ก็กำลังจะถูกรุกโดยต้นไปพร้อมๆ กัน
เจตน์ที่เห็นภาพทั้งหมดก็หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ เขาชอบความโกลาหลนี้ เขาชอบที่ทุกคนแสดงความต้องการดิบของตัวเองออกมา เขาอุ้มร่างของกันต์ขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะทำงาน จัดท่าให้กันต์นอนหงายแล้วจับขาเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นพาดบ่าของตัวเอง ตอนนี้กันต์อยู่ในสภาพที่เปราะบางที่สุด...เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตเครื่องแบบที่กระดุมหลุดลุ่ยและกางเกงที่เปิดซิปด้านหลังอ้าออกจนเห็นบั้นท้ายทั้งหมด
"แบบนี้...ฉันถึงจะเห็นหน้านายได้ชัดๆ ตอนที่นายเป็นของฉัน" เจตน์กระซิบ ก่อนจะโน้มตัวลงไปมอบจูบที่ลึกซึ้งและดูดดื่มให้กับกันต์พร้อมกับขยับสะโพกสอดใส่เข้าไปจนสุดความยาว
กันต์ครางออกมาอย่างสุดเสียง ภาพของเจตน์ที่กำลังครอบครองเขาจากเบื้องบนพร้อมกับริมฝีปากที่บดเบียดกันไม่หยุดนั้นทำให้เขาสุขสมจนแทบคลั่ง เขาเอื้อมมือไปคว้าแก่นกายของตัวเองที่แข็งขืนออกมาจากกางเกงเครื่องแบบแล้วเริ่มชักรูดไปตามจังหวะกระแทกของเจตน์อย่างเมามันส์ แววตาของกันต์พร่าเลือนไปด้วยความปรารถนาที่ยากจะต้านทาน
เสียงครางต่ำๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขสมของกันต์ดังขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเสียงที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องทำงานเล็กๆ แห่งนั้น กิจกรรมรักของคู่รองเริ่มชะงักลง ทุกสายตาค่อยๆ หันมาจับจ้องที่โต๊ะทำงานที่กันต์กำลังนอนบิดเร่าอยู่
เมื่อเจตน์รู้สึกว่าทุกคนใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว เขาก็ผละจูบออกจากกันต์แล้วพยักหน้าให้คนอื่นๆ เป็นสัญญาณ "มาสิ...มาเป็นเกียรติให้สารวัตรของพวกเรา"
เหมือนถูกมนตร์สะกด ทุกคนค่อยๆ หยุดกิจกรรมของตัวเองแล้วคลานเข้ามาล้อมรอบโต๊ะทำงานนั้น
เจตน์ปลดกระดุมเสื้อของกันต์ออกจนหมดแล้วแหวกมันออก เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแกร่งและป้ายด็อกแท็กที่แกว่งไปมา "เพื่อเป็นเกียรติแก่สารวัตร...ทุกคน...พร้อมกัน"
แล้วทุกคนก็ปลดปล่อยความปรารถนาของตัวเองออกมาพร้อมกัน น้ำรักสีขาวขุ่นสาดกระเซ็นไปทั่วร่างกายของกันต์ ตั้งแต่ใบหน้า, แผ่นอก, และหน้าท้อง...โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เปื้อนเสื้อเครื่องแบบที่ยังคงพาดอยู่บนไหล่ของเขา
เมื่อทุกอย่างจบลง กันต์นอนหอบหายใจอยู่บนโต๊ะในสภาพที่เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว
เจตน์มองผลงานตรงหน้าอย่างพึงพอใจ เขาเป็นคนแรกที่ก้มลงไปใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดคราบรักออกจากหน้าอกของกันต์อย่างช้าๆ และนุ่มนวล เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของที่ลึกซึ้ง เมื่อคนอื่นๆ เห็นการกระทำของผู้นำ พวกเขาก็เข้าใจในทันที ทุกคนค่อยๆ ก้มลงไปช่วยกัน "ทำความสะอาด" ร่างกายของกันต์ด้วยความเต็มใจ
หลังจากที่ร่างกายของกันต์สะอาดหมดจดแล้ว เจตน์ก็โน้มตัวลงไปจูบกันต์อีกครั้ง เป็นจูบที่ลึกซึ้งและดูดดื่ม ทั้งๆ ที่ริมฝีปากของเขายังคงมีรสชาติของทุกคนปะปนอยู่ เป็นการปิดฉากพิธีกรรมที่บ้าคลั่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มรู้สึกตัวและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง บรรยากาศเปลี่ยนจากความดิบเถื่อนมาเป็นความสงบอย่างประหลาด มีเพียงเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกัน เสียงรูดซิป และเสียงหัวเข็มขัดที่ถูกใส่กลับเข้าที่ ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงที่จะสบตากัน แต่รับรู้ได้ถึงสายใยที่มองไม่เห็นที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกัน กันต์ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วติดกระดุมและรูดซิปเสื้อเครื่องแบบของตัวเองอย่างสง่างาม แม้จะมีร่องรอยความเหนื่อยอ่อนบนใบหน้า แต่แววตาของเขากลับมาคมกล้าเหมือนเดิม
"ออกไปได้แล้ว" เจตน์ออกคำสั่งเสียงเรียบ "ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
ทีมของเจตน์เดินออกจากห้องทำงานของ รปภ. ด้วยท่าทีสบายๆ ทิ้งให้ต้น พีท และพี่เอกยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง แต่ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากทางเดินลับตา ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของ สารวัตรก้อง ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่
"ไง...มาทำอะไรแถวนี้" ก้องถามด้วยน้ำเสียงแดกดัน สายตาคมกริบของเขากวาดมองไล่ตั้งแต่เจตน์ ไปจนถึงกันต์และเมฆอย่างช้าๆ เป็นการยืนยันว่าภัยคุกคามจากภายนอกกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ