ทันทีที่ก้าวออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้า กลิ่นอายของประเทศญี่ปุ่นก็ปะทะเข้ากับร่างของนายตำรวจทั้งสี่จากประเทศไทยอย่างจัง อากาศที่เย็นและสะอาดกว่ากรุงเทพฯ ความเป็นระเบียบของผู้คน และป้ายบอกทางที่เต็มไปด้วยตัวอักษรแปลกตา ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง
สิบตำรวจตรีเมฆามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ ในขณะที่หมวดดินก็ยิ้มรับกับทุกสิ่งรอบตัวอย่างผ่อนคลาย สารวัตรกันต์เดินนำหน้าด้วยท่าทีสุขุม กวาดสายตาประเมินสภาพแวดล้อมอย่างเป็นมืออาชีพ
ส่วนผู้กองเจตน์เดินคุมเชิงอยู่ด้านหลังสุด เขาไม่ได้สนใจวิวทิวทัศน์หรือความแปลกใหม่ใดๆ สายตาคมกริบของเขากวาดมองฝูงชนอย่างระแวดระวัง แต่เป้าหมายที่แท้จริงที่เขาจับจ้องอยู่ตลอดเวลานั้นมีเพียงหนึ่งเดียว...แผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่
เมื่อเดินมาถึงโถงผู้โดยสารขาเข้า พวกเขาก็เห็นชายสองคนที่ยืนรออยู่พร้อมป้ายชื่อ 'สารวัตรกันต์'
คนแรกคือชายร่างสูงในชุดสูทสั่งตัดสีเทาเข้มที่พอดีกับรูปร่างอย่างไร้ที่ติ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายตามแบบฉบับชายญี่ปุ่นแท้ ท่าทียืนนิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความมั่นใจนั้นบ่งบอกว่าเขาคือผู้มีอำนาจ ส่วนอีกคนดูหนุ่มกว่า แต่งตัวมีสไตล์ด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวทับเสื้อเชิ้ตลำลอง ผมทำสีน้ำตาลอ่อนรับกับใบหน้าที่ติดจะสวยหวานและรอยยิ้มขี้เล่นที่ประดับอยู่บนนั้น
"สารวัตรกันต์ใช่ไหมครับ ผมเคนจิ ยินดีที่ได้พบ" ชายในชุดสูทแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเจน เขายื่นมือออกมาจับมือกับกันต์อย่างเป็นทางการ แต่สายตาของเขากลับมองสำรวจกันต์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง (น่าสนใจ...น่าสนใจกว่าที่คิดไว้เยอะ) ความคิดนั้นแวบขึ้นมาในหัวของเคนจิ
กันต์สัมผัสได้ถึงสายตาที่คุกคามนั้น แต่ก็ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยไว้ได้ "เช่นกันครับ นี่ทีมของผม ผู้กองเจตน์ หมวดดิน และสิบตำรวจตรีเมฆา"
เจตน์ก้าวเข้ามายืนข้างกันต์มากขึ้นอีกนิด วางมือลงบนบ่าของกันต์อย่างเป็นธรรมชาติแต่แฝงความหมายหนักแน่น (ส่งสัญญาณให้มันรู้ตัวซะหน่อย) เขาคิดในใจ
เคนจิเหลือบมองมือของเจตน์แวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง
"ส่วนนี่เรียวครับ คู่หูของผม" เคนจิแนะนำชายหนุ่มอีกคน
"ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ!" เรียวโค้งทักทายอย่างร่าเริง แต่รอยยิ้มนั้นเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายตาของเคนจิยังคงจับจ้องอยู่ที่สารวัตรจากประเทศไทย
บนรถตู้ที่มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางกรุงโตเกียว บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็น เคนจิจงใจนั่งประกบข้างกันต์โดยอ้างว่าต้องบรีฟข้อมูลคดีเบื้องต้น ขณะที่เจตน์ก็นั่งขนาบอีกฝั่ง ทำให้กันต์รู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของนักล่าสองตัว
ที่เบาะหลัง ดินสังเกตเห็นว่าเรียวกำลังนั่งหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร เขาจึงเอื้อมมือไปตบบ่าเรียวเบาๆ แล้วชวนคุยเรื่องสัพเพเหระเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาโตเกียวเลยนะ มีร้านอาหารอร่อยๆ แนะนำบ้างไหม?"
เรียวที่กำลังหงุดหงิดอยู่ตอนแรกก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมหันมาคุยด้วย สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงเมื่อมีคนให้ความสนใจ
รถมาจอดที่หน้าโรงแรมหรูหราแห่งหนึ่งในย่านชินจูกุ เคนจิจัดการเรื่องห้องพักให้พวกเขาอย่างดี เป็นห้องสวีท 2 ห้องที่มีประตูเชื่อมถึงกัน โดยจัดให้เจตน์พักกับกันต์ และดินพักกับเมฆ
หลังจากพาทุกคนมาส่งที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะจากไป เคนจิได้หันมายื่นนามบัตรส่วนตัวของเขาให้กันต์โดยตรง นิ้วของเขาสัมผัสกับปลายนิ้วของกันต์อย่างจงใจนานกว่าปกติ
"หากต้องการ 'ความช่วยเหลือ' อะไรเป็นพิเศษ ไม่ต้องเกรงใจที่จะติดต่อผมโดยตรงนะครับสารวัตร...ทุกเวลา" เขาเน้นเสียงที่คำว่า "ความช่วยเหลือพิเศษ" อย่างชัดเจน
กันต์รับนามบัตรมาถือไว้ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก
เจตน์มองภาพนั้นนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่รอจนกระทั่งตำรวจญี่ปุ่นทั้งสองคนเดินจากไป แล้วจึงหันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองไปเงียบๆ
แต่ในใจของเขานั้น...ตัดสินไปแล้วว่า 'บทเรียน' สำหรับสารวัตรกันต์ในคืนนี้ จะต้องหนักหน่วงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โทษฐานที่ทำตัวน่าสนใจจนดึงดูดผู้ล่าตัวอื่นเข้ามาในอาณาเขตของเขา