The Aperture Club (ซีซั่น 2) ตอนที่ 1: การเริ่มต้นใหม่และคู่แข่งที่มองไม่เห็น

แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผืนฟ้าสีครามของกรุงเทพฯ สู่รั้วมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เสียงจอแจของนักศึกษาที่เดินสวนกันไปมา เสียงหัวเราะ และเสียงกระเป๋าเป้ที่เสียดสีกัน เป็นดนตรีประกอบฉากชีวิตใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นสำหรับกลุ่ม The Aperture Club

คินก้าวเดินไปตามทางเดินกว้างขวางของคณะวิทยาศาสตร์ ร่างกายกำยำของเขาที่ผ่านการฝึกซ้อมว่ายน้ำอย่างหนักมาตลอดชีวิต ดูแข็งแกร่งและสง่างามภายใต้เสื้อยืดสีขาวธรรมดา ผิวสีแทนของเขาตัดกับกล้ามเนื้อที่ชัดเจนทุกมัด ดวงตาคมกริบที่เคยแฝงความว่างเปล่าในซีซั่นก่อน บัดนี้เต็มไปด้วยประกายไฟแห่งอิสระและความตื่นเต้น เขาไม่ได้รู้สึกถูกกดดันเหมือนตอนอยู่โรงเรียนมัธยมอีกต่อไปแล้ว ที่นี่คือมหาวิทยาลัย ที่ที่เขาได้ปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการทั้งปวง และค้นพบความหมายใหม่ๆ ของชีวิตผ่าน Risky Exhibition ที่ผ่านมา เขารู้สึกโล่งใจอย่างไม่น่าเชื่อ และกระหายที่จะท้าทายขีดจำกัดของตัวเองให้ยิ่งกว่าเดิม

ไม่ไกลกันนัก เต้นั่งสเก็ตช์ภาพอยู่ในห้องศิลปะที่กว้างขวางและเต็มไปด้วยอุปกรณ์ใหม่เอี่ยม แสงธรรมชาติส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่กระทบกับแผ่นกระดาษในมือของเขา รูปร่างที่ดูอ่อนช้อยแต่แฝงด้วยพลังของเต้เคลื่อนไหวอย่างสง่างามขณะที่ปลายนิ้วเรียวยาวบรรจงจรดดินสอลงบนกระดาษ ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบห้องอย่างช่างสังเกต วิสัยทัศน์ทางศิลปะของเต้กว้างไกลกว่าเดิมมาก เขาไม่ได้มองหาแค่ "เวที" แต่กำลังมองหา "ผืนผ้าใบ" ที่ใหญ่ขึ้นสำหรับ The Aperture Club ผืนผ้าใบที่จะสะท้อนความบ้าบิ่นและปรารถนาที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์ เต้มีความสุขกับการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งความเสี่ยงนี้

อีกมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัย เจตกำลังวิ่งวอร์มอัพอยู่รอบสนามฟุตบอล กล้ามเนื้อแน่นๆ ของเขาเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงภายใต้เสื้อกล้ามสีดำที่แนบไปกับร่างกาย เจตยังคงความเป็นคนมุ่งมั่นและกระหายชัยชนะไม่เปลี่ยนแปลง แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาบ่อยครั้งขึ้น แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มเปิดใจรับความสัมพันธ์และมิตรภาพในกลุ่มมากขึ้นแล้ว เขาไม่ได้มองคินเป็นแค่คู่แข่งอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่ช่วยให้เขาได้ค้นพบอิสระในการยอมเป็นฝ่ายรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสมาก่อน

ส่วนนนท์ กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องชมรมเทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย แสงสีฟ้าจากหน้าจอสะท้อนบนแว่นตาของเขา นนท์ดูสนุกกับการได้ใช้ทักษะด้านเทคโนโลยีของตัวเองอย่างเต็มที่ เขาเป็นมันสมองเบื้องหลังที่คอยสนับสนุนการ "แสดง" ของกลุ่มมาโดยตลอด และตอนนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นและท้าทายยิ่งกว่าเดิม เขาพบว่าชีวิตไม่ได้น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ได้มารู้จักกับ The Aperture Club

ชีวิตในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยอิสระและความท้าทายใหม่ๆ กำลังเปิดประตูบานใหม่ให้กับพวกเขา ประตูที่นำไปสู่โลกที่ใหญ่ขึ้นและบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

คืนหนึ่ง ทั้งสี่คนนัดรวมตัวกันที่ห้องของเต้ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการลับของ The Aperture Club ห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพ แคนวาสเปล่า และภาพถ่าย Risky Exhibition ที่พวกเขาเคยสร้างสรรค์ขึ้นมา พวกเขากำลังนั่งดูผลงานเก่าๆ ของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจและหัวเราะคิกคักกับความบ้าบิ่นที่เคยทำลงไป

"จำได้ไหมวะไอ้คิน ตอนที่เราไปเย็ดกันบนดาดฟ้าตึกร้างนั่นน่ะ มึงแม่งโคตรเสียวเลยใช่ไหมวะ!" เจตหัวเราะเสียงดัง ตบไหล่คินเบาๆ

คินยิ้มมุมปาก "เสียวสิวะไอ้เจต มึงก็เสียวไม่ใช่เหรอวะตอนที่กูซอยมึงจากข้างหลังน่ะ"

เต้ยิ้มเล็กน้อย "นั่นแหละคือศิลปะ... ศิลปะที่เกิดจากความดิบเถื่อนของมนุษย์"

ขณะที่นนท์กำลังเลื่อนดูฟีดโซเชียลมีเดียบนแท็บเล็ต เขาก็สะดุดเข้ากับโพสต์ล่าสุดของแอคเคานต์ที่ไม่คุ้นเคย: @Sky_Gazer

"เฮ้ย! พวกมึงดูนี่ดิ!" นนท์ร้องขึ้นมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความทึ่ง

ทุกคนหันไปมองแท็บเล็ตในมือของนนท์ ภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้ทุกคนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

มันเป็นภาพถ่ายขาวดำบนยอดเครนก่อสร้างที่สูงเสียดฟ้า มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่เบื้องล่าง ร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนเปลือยเปล่าอยู่บนคานเหล็กแคบๆ ของเครน ท่าทางของเขาสง่างามและท้าทายอย่างเหลือเชื่อ องค์ประกอบภาพงดงาม แสงและเงาคมชัด เทคนิคการถ่ายภาพเหนือชั้นกว่าที่พวกเขาเคยทำมาทั้งหมด

คินเบิกตากว้างด้วยความทึ่งและความรู้สึกถูกท้าทายอย่างรุนแรง "เชี่ย... แม่งโคตรสุดเลยว่ะ... มันขึ้นไปได้ไงวะสูงขนาดนั้น"

เต้สีหน้าจริงจังขึ้นทันที เขาวิเคราะห์ภาพอย่างละเอียด "แสง... มุม... เทคนิค... คนนี้ไม่ธรรมดา" แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้าม "มันถ่ายได้ยังไงวะ... ไม่มีทางที่กล้องจะขึ้นไปอยู่ตรงนั้นได้โดยไม่มีคนคุม"

เจตรู้สึกเลือดขึ้นหน้าและกระหายที่จะเอาชนะ "มันเป็นใครวะ? กล้าดีนี่หว่าที่มาท้าพวกเรา! แม่งอยากลองของใช่ไหมวะ!"

นนท์ยังคงจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา "แม่งโคตรบ้าเลย... ผมว่ามันต้องมีอุปกรณ์พิเศษแน่ๆ เลยครับพี่เต้ หรือไม่ก็ต้องมีคนช่วยถ่ายจากโดรนที่บินได้สูงมากๆ"

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องชั่วขณะ ก่อนที่คินจะทำลายความเงียบนั้น

"นี่ไม่ใช่แค่การโพสต์รูปทั่วไป..." คินพูดเสียงเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยประกายไฟแห่งการแข่งขัน "นี่มันคือการ 'ประกาศสงคราม' ชัดๆ"

เต้พยักหน้าช้าๆ "ใช่... และพวกเราก็ไม่มีทางยอมแพ้มันง่ายๆ หรอก"

ทุกคนตระหนักว่านี่ไม่ใช่แค่การโพสต์รูปทั่วไป แต่เป็นการ "ประกาศสงคราม" เชิงศิลปะ The Aperture Club จะต้องยกระดับตัวเองให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขั้น เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาคือที่สุดในวงการ Risky Exhibition

ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดว่าจะตอบโต้ @Sky_Gazer อย่างไร เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเต้ก็ดังขึ้น เป็นข้อความจากคุณจักร เชิญทั้งสี่คนไปที่คอนโดหรูของเขา

คอนโดของคุณจักรหรูหราโอ่อ่า ตั้งอยู่บนชั้นสูงของตึกระฟ้าใจกลางเมือง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนที่ส่องประกายระยิบระยับได้กว้างไกล การตกแต่งภายในสะท้อนรสนิยมที่เหนือระดับของเขา มีงานศิลปะราคาแพงประดับอยู่ทั่วห้อง แสงไฟสลัวๆ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นแต่แฝงด้วยความลึกลับ

คุณจักรนั่งอยู่บนโซฟาหนังตัวใหญ่ จิบไวน์แดงอย่างสบายอารมณ์ สิงหายืนอยู่ข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยม ร่างกายกำยำของเขายืนนิ่งราวกับรูปปั้น

"มากันแล้วเหรอ..." คุณจักรวางแก้วไวน์ลงช้าๆ มองไปที่เด็กหนุ่มทั้งสี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก "เชิญนั่งสิ"

พวกเขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างเกร็งๆ เล็กน้อย

"ผมไม่ได้แก่เกินจะเล่นเกมนี้..." คุณจักรพูดขึ้นมา สายตาของเขามองไปนอกหน้าต่างที่เห็นแสงไฟระยิบระยับของเมือง "แต่ผมเล่นมันจนเบื่อแล้วต่างหาก" เขามองกลับมาที่เด็กหนุ่มทั้งสี่ "การแสดงคนเดียวมันไม่เร้าใจผมอีกต่อไป ตอนนี้ความสุขของผมคือการเป็น 'ผู้อำนวยการสร้าง' คือการได้เห็นโปรดักชันที่ใหญ่ขึ้น มีตัวละครที่น่าสนใจอย่างพวกนาย... พวกนายคือดาวเด่นในโชว์ครั้งใหม่ของผม"

คำพูดของคุณจักรไม่ใช่แค่คำชม แต่เป็นการประกาศชัดว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้ดู แต่เป็นผู้ควบคุมและผู้เล่นในเกมที่ใหญ่กว่า เขาเห็นศักยภาพในตัว The Aperture Club และต้องการผลักดันให้พวกเขาไปสู่จุดสูงสุด โดยเขามองพวกเขาเป็น "นักแสดง" ใน "โชว์" ของเขา

"พวกนายคงเห็นผลงานล่าสุดของ @Sky_Gazer แล้วสินะ..." คุณจักรพูดขึ้นมาอีกครั้ง "มันท้าทายพวกนายอย่างชัดเจน... และผมก็อยากเห็นว่าพวกนายจะตอบโต้ยังไง"

คิน เต้ เจต และนนท์ มองหน้ากัน พวกเขาเข้าใจแล้วว่านี่คือโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะพิสูจน์ตัวเองในเวทีที่ใหญ่ขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของผู้อุปถัมภ์ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้

หลังจากกลับจากคอนโดของคุณจักร ความตื่นเต้นและแรงกระตุ้นจากคำท้าของ @Sky_Gazer และคำเชื้อเชิญของคุณจักรก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจของทุกคน เต้เสนอไอเดียแรกสำหรับ "ผลงาน" ชิ้นใหม่

"ห้องปฏิบัติการศิลปะของคณะ... ตอนกลางดึก" เต้พูดขึ้นมา ดวงตาของเขามีประกายไฟแห่งการสร้างสรรค์ "มันคือที่ที่ศิลปะถูกสร้างขึ้น... และคืนนี้... เราจะสร้างศิลปะที่ดิบเถื่อนที่สุดที่นั่น"

เจตกับนนท์รับหน้าที่เป็นคนเฝ้าระวังและเตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพ กล้อง DSLR ขาตั้งกล้อง ไฟ LED ถูกจัดวางอย่างพิถีพิถันตามคำแนะนำของเต้ แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟบางดวงส่องกระทบกับแคนวาสเปล่าที่วางเรียงรายอยู่บนขาตั้ง กลิ่นสีน้ำมันและเทอร์เพนไทน์คละคลุ้งในอากาศ เป็นบรรยากาศที่ปลุกเร้าความรู้สึกดิบเถื่อนและสร้างสรรค์ไปพร้อมกัน

คินกับเต้เดินเข้ามากลางห้อง คินรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาจะเป็นฝ่ายรับ แต่เขาก็เชื่อใจเต้อย่างเต็มที่ เต้สัมผัสได้ถึงความกังวลของคิน จึงเดินเข้าไปกอดคินเบาๆ แล้วกระซิบข้างหู "ไม่ต้องกลัวนะคิน... กูอยู่ตรงนี้... กูจะดูแลมึงเอง"

คินพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไว้วางใจที่เขามีต่อเต้

ทั้งสองค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกช้าๆ ทีละชิ้น เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ถูกทิ้งลงบนพื้นข้างๆ แคนวาสเปล่า ร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเขาดูงดงามภายใต้แสงไฟสลัวๆ ที่ส่องกระทบกับมัดกล้ามเนื้อที่ชัดเจนของคิน และรูปร่างที่อ่อนช้อยแต่มีพลังของเต้

เต้เริ่มเล้าโลมคินอย่างอ่อนโยน เขาจูบคินอย่างเชื่องช้าและลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันอย่างดูดดื่ม มือของเต้ลูบไล้ไปตามแผงอกและหน้าท้องของคินอย่างแผ่วเบา คินครางต่ำในลำคอด้วยความเสียวซ่าน มือของเขากำเสื้อของเต้แน่น

"อืมมม... เต้..." คินครางเสียงพร่า

เต้ผละจูบออกเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปเลียยอดอกของคินอย่างช้าๆ แล้วไล่ลิ้นลงมาตามหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นลอน ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าท้องส่วนล่างเหนือลำควยของคินที่เริ่มแข็งขืน

"มึงพร้อมนะคิน..." เต้กระซิบเสียงแหบพร่า

คินพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ผสมกับความประหม่า

เต้ค่อยๆ ดันคินให้นอนลงบนกองผ้าใบเก่าๆ ที่ปูอยู่บนพื้นห้อง เต้ใช้ลิ้นร้อนเลียไปตามร่องก้นของคินอย่างช้าๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเรียวยาวค่อยๆ สอดเข้าไปในรูก้นของคินอย่างอ่อนโยน

คินสะท้านเฮือก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านที่ไม่คุ้นเคย เสียงครางต่ำเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขา

"อ๊า... เต้... มัน... มันแปลกๆ ว่ะ" คินพูดเสียงสั่น

เต้เงยหน้าขึ้นมองคินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความปรารถนา "ผ่อนคลายนะคิน... กูจะทำให้มึงรู้สึกดีที่สุด" เขาขยับนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อให้คินปรับตัว

เมื่อเห็นว่าคินเริ่มผ่อนคลายลง เต้ก็ค่อยๆ เพิ่มนิ้วเข้าไปเป็นสองนิ้ว ก่อนจะขยับนิ้ววนไปรอบๆ รูทวารของคินเพื่อเตรียมพร้อม

"พร้อมนะคิน?" เต้ถามอีกครั้ง

คินพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไว้วางใจอย่างสมบูรณ์

เต้จับลำควยของตัวเองที่แข็งขืนผงาดขึ้นเต็มที่ ก่อนจะค่อยๆ แทงเข้าไปในรูก้นของคินอย่างช้าๆ คินกัดฟันแน่น เสียงครางต่ำเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขา รูทวารของคินคับแน่นไปหมด แต่เขาก็พยายามผ่อนคลายร่างกาย เต้หยุดค้างไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้คินปรับตัว ก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล

"อ๊า... เต้... อ๊า... มัน... มันลึก... อ๊า..." คินครางเสียงพร่า มือของเขากำผ้าใบแน่น

เต้เย็ดคินอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น สื่อถึงความรักและความเข้าใจในทุกจังหวะที่ลำควยของเขาสอดแทงเข้าออกในรูก้นของคิน

"ดีไหมคิน... เสียวไหม..." เต้กระซิบข้างหูคิน

"เสียว... เสียวชิบหายเลย... อ๊า... เต้... แรงอีก... แรงกว่านี้..." คินครางตอบกลับ ความรู้สึกที่ถูกครอบครองจากด้านหลังเป็นครั้งแรกทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่และเปราะบางอย่างประหลาด แต่มันก็เต็มไปด้วยความไว้วางใจที่เขามีต่อเต้ เขารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองในอีกมิติหนึ่ง

เจตและนนท์กำลังถ่ายภาพทุกช่วงเวลาอย่างมืออาชีพ แต่ในใจก็รู้สึกทึ่งกับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและการปลดปล่อยที่แท้จริงของคินและเต้ พวกเขาเห็นถึง "ศิลปะ" ที่กำลังถูกสร้างขึ้นตรงหน้า

เต้เร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย เสียงเนื้อกระทบกันดังตับๆ ก้องไปทั่วห้องที่เงียบสงัด คินครางไม่เป็นศัพท์ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านถึงขีดสุด

"อ๊า... เต้... กูจะแตกแล้ว... อ๊า..." คินครางเสียงแหบพร่า

เต้กระแทกสวนเข้าไปอีกสองสามครั้ง ก่อนจะคำรามต่ำๆ แล้วปลดปล่อยน้ำอสุจิอุ่นๆ เข้าไปในรูก้นของคินจนหมดสิ้น คินเกร็งตัวแน่นแล้วตามไปติดๆ น้ำอสุจิสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องของเขา

ทั้งสองนอนหอบหายใจอยู่บนกองผ้าใบเก่าๆ ร่างกายเปลือยเปล่าที่ชุ่มเหงื่อแนบชิดกัน ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจของพวกเขาที่ดังอยู่

ขณะที่คินและเต้กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความสุข เสียงประตูห้องปฏิบัติการศิลปะก็เปิดออกช้าๆ ทำให้ทั้งสี่คนสะดุ้งสุดตัวและรีบหยุดกิจกรรมทั้งหมดลงทันที เจตกับนนท์รีบซ่อนกล้องและอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว ส่วนคินกับเต้ก็รีบดึงผ้าใบเก่าๆ มาคลุมร่างกายไว้

นักศึกษาศิลปะคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาดูงัวเงียเล็กน้อย เหมือนเพิ่งตื่นนอนหรือมาหาของที่ลืมไว้

"โอ้โห... พวกนายยังทำโปรเจกต์กันอยู่อีกเหรอวะ? ดึกขนาดนี้" นักศึกษาคนนั้นพูดขึ้นมา เขามองไปที่แคนวาสและสีที่วางเกลื่อนกลาด ก่อนจะหันมามองคินกับเต้ที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังผ้าใบ "งานนี้เจ๋งว่ะ... ดูลึกลับดี"

เขาเดินผ่านไปโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เพียงแค่หยิบสมุดสเก็ตช์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

ทั้งสี่คนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อนักศึกษาคนนั้นเดินจากไป ความกลัวที่เกือบถูกจับได้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและเสียงหัวเราะเบาๆ คินกับเต้มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจจากความเสี่ยงที่เพิ่งผ่านพ้นไป

"เชี่ย... แม่งโคตรเฉียดเลยว่ะ!" เจตพูดขึ้นมาพร้อมหัวเราะ

"เออน่า... ก็ได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบไงวะ" คินยิ้มกว้าง

พวกเขารีบเก็บอุปกรณ์และออกจากห้องปฏิบัติการศิลปะไปอย่างเงียบเชียบ ความตื่นเต้นจาก Risky Exhibition ครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัยยังคงคุกรุ่นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคินที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น

เมื่อกลับมาถึงห้องของเต้ เต้ก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มตัดต่อวิดีโอและภาพถ่ายที่ได้มาในคืนนี้ เขาเลือกมุมที่แสดงถึงความเปราะบางและความไว้วางใจของคิน และการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคน

"นี่แหละ... ผลงานที่จะทำให้ @Sky_Gazer ต้องหันมามอง" เต้พูดขึ้นมาขณะที่นิ้วเรียวยาวของเขากำลังกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว

คินมองดูเต้ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขารู้สึกว่าการเดินทางครั้งใหม่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และมันจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดที่บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

@TheApertureClub

แคปชั่น: ศิลปะแห่งความไว้วางใจ... การปลดปล่อยที่แท้จริง... ในที่ที่คาดไม่ถึง

ภาพสุดท้ายบนหน้าจอแท็บเล็ตของเต้คือภาพขาวดำของคินที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนกองผ้าใบเก่าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่ก็แฝงด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ แสงไฟสลัวๆ สร้างเงาที่ทอดยาวไปทั่วร่างกายของเขา เป็นภาพที่งดงามและเต็มไปด้วยความหมาย... และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ "สงคราม" ที่กำลังจะปะทุขึ้นในโลกใต้ดิน

การตอบโต้ของ @Sky_Gazer จะเป็นอย่างไร? และ The Aperture Club จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ไกลแค่ไหนในเกมที่ใหญ่ขึ้นนี้?