ห้องของเต้ยังคงเป็นศูนย์บัญชาการลับของ The Aperture Club แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องกระทบกับภาพวาดและอุปกรณ์ศิลปะที่วางเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ ผืนผ้าใบที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ถูกวางพิงผนัง ขวดสีอะคริลิกหลากสีสันเปิดฝาทิ้งไว้ กลิ่นอายของความคิดสร้างสรรค์และอิสระอบอวลอยู่ในอากาศ คิน, เต้, และนนท์ กำลังนั่งล้อมวงกันอยู่บนพื้นห้อง พิงพนักโซฟาตัวใหญ่ที่ถูกเข็นมารวมกันคล้ายกองบัญชาการลับ ใบหน้าของพวกเขายังคงสะท้อนความพึงพอใจและอะดรีนาลีนที่ยังไม่จางหายไปง่ายๆ จากภารกิจล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปไม่นาน
นนท์ที่กำลังเลื่อนดูแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับ Urban Exploration และศิลปะใต้ดินบนแท็บเล็ตของเต้ นิ้วเรียวของเขาก็หยุดชะงักลงที่แอคเคานต์ที่คุ้นเคย แอคเคานต์ @Jett.Edge ของเจต คู่แข่งตลอดกาลของคิน ภาพและวิดีโอที่เจตโพสต์เต็มไปด้วยความบ้าบิ่น ความท้าทายทางกายภาพ และการแสดงออกถึงความแข็งแกร่งที่บางครั้งก็ดูไร้จุดหมาย
“เฮ้ย พวกมึงดูดิ๊ ไอ้เจตมันเอาอีกแล้ว” นนท์ยื่นแท็บเล็ตให้เพื่อนดูด้วยแววตาที่ผสมผสานระหว่างความประหลาดใจและความขบขัน
ภาพล่าสุดของเจตคือคลิปสั้นๆ ที่เขาทำท่า Parkour กระโดดข้ามช่องว่างระหว่างดาดฟ้าของตึกสองหลังที่ดูหวาดเสียว เบื้องล่างคือความมืดมิดและแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืน มันดิบและบ้าบิ่น เน้นการแสดงออกทางกายภาพที่รุนแรงและท้าทาย แต่ในสายตาของเต้ ผู้ซึ่งมองเห็นศิลปะในทุกสิ่ง มันกลับขาดมุมมองทางศิลปะที่ลึกซึ้ง มันเป็นภาพที่เน้นความแข็งแกร่งของร่างกายและอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่าน แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของศิลปะ ไร้ซึ่งการสื่อสารที่แท้จริง
“แพ้กูในสระไม่พอ ยังจะมาแข่งกับกูนอกสระอีกเหรอวะ” คินหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เสียงหัวเราะของเขาเจือด้วยความเยาะหยันเล็กน้อย แต่ลึกๆ แล้วเขากลับไม่ได้รู้สึกสมเพชอย่างที่แสดงออก ภายในใจของคินมีความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่านั้น เขามองเห็นเงาของตัวเองในความบ้าบิ่นของเจต...ความรู้สึกของการอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ อยากจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ภายใน แต่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรให้ถูกต้อง
เต้กลับมองด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความคิดบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ “มันยังขาดผู้กำกับ” เต้พึมพำกับตัวเอง ราวกับกำลังวิเคราะห์งานศิลปะชิ้นหนึ่ง “เจตมันมีความกล้า มีพลังงานดิบที่น่าสนใจ แต่มันยังหาทางปลดปล่อยที่ถูกต้องไม่เจอ มันเหมือนกับนายในตอนแรกเลยคิน... แค่วิธีการแสดงออกของเรามันต่างกัน”
คำพูดของเต้ทำให้คินฉุกคิด เขามองกลับไปที่หน้าจออีกครั้ง และครั้งนี้เขามองเห็นสิ่งที่เต้พูด...แววตาของเจตในคลิปนั้น แม้จะพยายามทำเป็นแข็งกร้าว แสดงออกถึงความไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่ลึกๆ แล้วมันแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยวและความสับสน ความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับ แต่กลับเลือกวิธีการที่ผิดพลาด
“เราจะปล่อยให้มันทำผลงานแข่งกับเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอวะ?” คินถามขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความโกรธเคือง แต่เป็นความท้าทายที่รอการตอบรับ
เต้ยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความมั่นใจ “ถ้าเอาชนะไม่ได้... ก็แค่ดึงเข้ามาเป็นพวก”
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ สระว่ายน้ำของโรงเรียน แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาบนผิวน้ำที่ระยิบระยับ กลิ่นคลอรีนจางๆ ลอยอยู่ในอากาศ คินเดินตรงเข้าไปหาเจตที่กำลังเก็บของอยู่ริมสระ บรรยากาศของความตึงเครียดระหว่างทั้งสองยังคงคุกรุ่นอยู่เสมอ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไหลวนอยู่รอบตัวพวกเขา
“ไงไอ้แชมป์ ว่าไงวะ?” เจตพูดแขวะตามสไตล์ของเขา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจและประชดประชัน แต่คินกลับไม่ได้ตอบโต้ด้วยท่าทีที่เหนือกว่าเหมือนเคย เขายืนนิ่ง มองเข้าไปในดวงตาของเจตอย่างตรงไปตรงมา
“กูเห็นคลิปมึงแล้ว... ที่กระโดดข้ามตึก” คินพูดเรียบๆ แต่ตรงไปตรงมา น้ำเสียงของเขาจริงจังจนเจตสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ “มึงคิดว่านั่นคืออิสรภาพเหรอวะ?”
คำถามนั้นทำให้เจตชะงักไปชั่วขณะ เขาหันมามองคินด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร “มึงหมายความว่าไง?”
“การทำอะไรเสี่ยงตายโง่ๆ มันไม่ใช่ความกล้าหรอกเจต มันคือเสียงกรีดร้องของคนที่ถูกขังไว้ต่างหาก” คินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเจต พยายามสื่อสารสิ่งที่เขารู้สึก “มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูเลย แค่กรงของมึงกับกรงของกูมันคนละแบบ”
คำพูดนั้นแทงใจดำเจตอย่างจัง เขากำหมัดแน่น ความโกรธพุ่งขึ้นมาในอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่คินพูดมันคือความจริง ความรู้สึกที่ถูกกักขัง ความต้องการที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการบางอย่างที่มองไม่เห็น มันคือสิ่งที่เจตเผชิญอยู่ทุกวัน “แล้วมึงจะทำไม? มึงคิดว่ามึงดีกว่ากูนักรึไง?”
“กูไม่ได้ดีกว่า... แต่กูเจอทางออกแล้ว” คินยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ท้าทายแต่ก็เชื้อเชิญในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเขามีบางสิ่งที่เจตยังไม่มี “กูมีเรื่องจะท้าดวลมึง ไม่ใช่ในสระ แต่เป็นเกมของเรา... คืนนี้ ที่ตึกเรียนเก่าหลังโรงเรียน กูจะท้ามึงแข่ง ‘แก้ผ้าขึ้นดาดฟ้า’ เรามาดูกันว่าระหว่างความบ้าบิ่นของมึงกับอิสรภาพของกู... ใครจะไปถึงจุดสูงสุดได้ก่อนกัน”
เจตนิ่งอึ้งไป เขาไม่เคยเจอคินในเวอร์ชันนี้มาก่อน มันไม่ใช่การท้าทายเพื่อเอาชนะในแบบเดิมๆ แต่เป็นการท้าทายเพื่อ "พิสูจน์" บางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น ความรู้สึกอยากเอาชนะคินมันรุนแรงเกินกว่าความกลัวใดๆ ที่จะกระทำการบ้าบิ่นตามคำท้า แต่ครั้งนี้มันมีความอยากรู้อยากเห็นเข้ามาผสมด้วย...อยากรู้ว่า "ทางออก" ที่คินพูดถึงมันคืออะไร มันคืออะไรที่ทำให้คินดูแตกต่างออกไปจากที่เคยเป็น
“ได้... กูรับคำท้า!” เจตตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและประกายไฟแห่งความท้าทาย
กลางดึกคืนนั้น ณ ตึกเรียนเก่าที่ถูกปิดตาย บรรยากาศยังคงน่าขนลุกเช่นเคย ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ ที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาเป็นบางส่วน คินกับเจตยืนประจันหน้ากันที่บันไดชั้นล่างสุด โดยมีเต้ นนท์ และพายุที่มาสมทบด้วย คอยเป็นกรรมการและผู้บันทึกภาพด้วยกล้องวิดีโอที่เต้เตรียมมา
“พร้อมนะ?” เต้ถามเสียงเบาๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
คินกับเจตพยักหน้ารับพร้อมกัน ก่อนจะพร้อมใจกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด เสื้อนักเรียน กางเกง ถุงเท้า ทุกชิ้นถูกทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองสะท้อนอยู่ในแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งและผิวหนังที่เปล่งปลั่งในความมืดมิด
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น พวกเขาวิ่งแข่งกันขึ้นบันไดที่มืดและเต็มไปด้วยฝุ่นอย่างบ้าคลั่ง เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังสนั่นหวั่นไหว ในช่วงแรกเจตใช้ความแข็งแรงและบ้าบิ่นนำไปก่อน เขากระโดดข้ามซากปรักหักพังอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆ ราวกับจะพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่คินกลับเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลและมีศิลปะมากกว่า เขาไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ใช้ร่างกายประสานไปกับสภาพแวดล้อม ราวกับกำลังเต้นรำอยู่กับซากปรักหักพังที่รายล้อม เขาหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างชำนาญ ใช้จังหวะและแรงส่งจากสิ่งรอบตัว
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่สูงขึ้น เจตเริ่มเหนื่อยหอบ ร่างกายของเขาเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ หายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่คินกลับยังคงรักษาจังหวะได้อย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของเขาแม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงความสงบ เจตเริ่มสังเกตเห็น...คินไม่ได้กำลัง "แข่ง" กับเขาเพื่อเอาชนะ แต่กำลัง "แสดง" ให้เขาดู แสดงให้เห็นถึงอิสรภาพที่แท้จริง อิสรภาพที่ไม่ได้เกิดจากการทำลายล้าง แต่เกิดจากการยอมรับและปรับตัวเข้ากับสิ่งรอบข้าง
ณ ชั้นสุดท้ายก่อนถึงดาดฟ้า ทางขึ้นถูกขวางด้วยประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมและปิดตาย สนิมเกาะกรังไปทั่ว บ่งบอกถึงการถูกทอดทิ้งมานานแสนนาน เจตพยายามใช้แรงทั้งหมดพังมันแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาทุบประตูด้วยความหงุดหงิดและท้อแท้ เสียงทุบดังสนั่นไปทั่วโถงบันได
คินเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาไม่ได้เยาะเย้ย แต่กลับชี้ไปที่ช่องระบายอากาศเล็กๆ เหนือประตู “บางที... ทางที่เร็วที่สุดก็ไม่ใช่ทางที่ตรงที่สุดเสมอไป”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ความเป็นคู่แข่งที่เคยมีมาตลอดสลายไปชั่วขณะ ถูกแทนที่ด้วยการเป็น "ทีม" พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ พวกเขาช่วยกันปีนขึ้นไปและลอดผ่านช่องระบายอากาศที่แคบและสกปรกนั้นออกมาได้สำเร็จ ร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเขาเสียดสีกับขอบเหล็กที่ขึ้นสนิมและฝุ่นผง แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
ในที่สุด พวกเขาขึ้นไปถึงดาดฟ้าพร้อมกัน หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายเปลือยเปล่าชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาตามแผ่นหลังและหน้าอก ไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้ มีเพียงความรู้สึกของการยอมรับซึ่งกันและกัน เจตมองคินด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่พอใจ บัดนี้เต็มไปด้วยความเข้าใจและความเคารพ เขาเข้าใจแล้วว่าอิสรภาพที่คินพูดถึงมันคืออะไร มันไม่ใช่แค่การกระโดดข้ามตึก แต่เป็นการปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการภายใน
เต้ นนท์ และพายุเดินขึ้นมาสมทบ เต้เดินเข้ามากอดคอทั้งคู่ “ยินดีต้อนรับสู่ The Aperture Club อย่างเป็นทางการนะไอ้เจต”
เจตมองหน้าคิน คินยิ้มตอบกลับไป เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความเคารพในตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน ความรู้สึกของความเป็นพี่น้องก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา
เพื่อเป็นการฉลองการยอมรับซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์ และต้อนรับเจตเข้าสู่กลุ่มอย่างเป็นทางการ พวกเขาทั้งห้าคนจึงย้ายไปที่ไซต์ก่อสร้างร้าง สถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเซ็กส์กลุ่มของพวกเขา มันจะเป็นสถานที่สำหรับการสร้าง "ราชา" คนใหม่ สถานที่ที่พวกเขาจะปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแท้จริง
บรรยากาศในไซต์ก่อสร้างร้างยามค่ำคืนยังคงดิบเถื่อนและเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง แสงไฟจากเมืองสาดส่องเข้ามาเป็นเงาตะคุ่มๆ บนโครงเหล็กและกองเศษวัสดุก่อสร้าง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้มีแค่ความเสี่ยง แต่มีความรู้สึกของ "การเฉลิมฉลอง" เข้ามาด้วย การเฉลิมฉลองการรวมตัวของพลังงานที่แตกต่างกันแต่ลงตัว
“เอาล่ะ... ถึงเวลาของพิธีกรรมต้อนรับแล้ว” เต้พูดพลางตั้งกล้องวิดีโอที่เตรียมมาอย่างพิถีพิถัน เขาต้องการบันทึกทุกช่วงเวลาของพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้
พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้น ไม่ใช่ด้วยการรุม แต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างสองคู่แข่งที่บัดนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน คินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาผลักเจตพิงกับโครงเหล็กเย็นๆ ที่ยังคงมีกลิ่นสนิมจางๆ ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน มันคือการปลดปล่อยความรู้สึกแข่งขันทั้งหมดผ่านร่างกาย การปะทะกันของคินและเจตที่เคยเป็นคู่แข่ง บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความปรารถนาอันดิบเถื่อนที่ไม่อาจควบคุมได้ ลิ้นของคินสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเจตอย่างหิวกระหาย สำรวจทุกซอกทุกมุม ราวกับจะกลืนกินอีกฝ่ายให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง มือแกร่งของคินบีบเคล้นบั้นท้ายกลมกลึงของเจตอย่างแรง ดึงให้สะโพกของเจตแนบชิดกับความแข็งขืนที่กำลังผงาดของคิน
คินใช้มือรวบดุ้นควยของเจตที่แข็งขืนผงาดขึ้นเต็มที่ มันผงาดชี้ฟ้าในความมืดมิด ปลายหยดน้ำใสๆ เคลือบอยู่บนยอด ก่อนจะใช้มือชักขึ้นลงอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง แรงเสียดสีจากฝ่ามือของคินทำให้เส้นเลือดบนลำควยของเจตปูดโปนขึ้นมา เจตครางต่ำในลำคอ เสียงครางนั้นเต็มไปด้วยความทรมานและความสุขสม มือของเขาขยำบั้นท้ายของคินแน่นจนขึ้นรอยแดง คินจับเจตให้หันหลังพิงโครงเหล็ก บั้นท้ายผายออกอย่างเชิญชวน รูทวารที่ขมิบเล็กน้อยเชื้อเชิญให้คินเข้าครอบครอง “กูจะเย็ดมึงให้ลืมไปเลยว่าเคยเกลียดกัน” คินกระซิบเสียงพร่าข้างหูเจต ลมหายใจร้อนผ่าวของคินรดต้นคอของเจตจนเจตขนลุกซู่
เจตหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปกับความปรารถนาที่พุ่งพล่าน “เอาเลย... เย็ดกูให้จำแต่ความรู้สึกนี้ก็พอ” เสียงของเจตแหบพร่าด้วยความต้องการ
คินไม่รอช้า ควยแข็งๆ ของเขาถูกกดเข้าไปในรูก้นของเจตอย่างรุนแรงและเด็ดขาด ปลายควยค่อยๆ เบียดผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่ขมิบแน่น เสียงเนื้อกระทบกันดังพลั่บๆ สลับกับเสียงครางของเจตที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงกระแทกของคิน มันคือการเย็ดที่เต็มไปด้วยพลังงานของการแข่งขันที่แปรเปลี่ยนเป็นการยอมรับซึ่งกันและกัน คินกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างไม่ยั้ง แรงเสียดสีจากรูก้นของเจตทำให้ควยของคินร้อนผ่าว เจตจิกเล็บลงบนโครงเหล็กแน่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความสุขสมปนเจ็บปวด สะโพกของเขาส่ายรับแรงกระแทกจากคินอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อทั้งสองปลดปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาพร้อมกัน น้ำว่าวสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดออกมาจากปลายควยของทั้งคู่ เปื้อนไปตามหน้าท้องและต้นขาของกันและกัน คินถอนควยออกช้าๆ รูทวารของเจตยังคงขมิบรับอากาศที่แทรกเข้ามา เต้ นนท์ และพายุก็เดินเข้ามาร่วมวง พวกเขาไม่ได้เข้ามารุม แต่เข้ามา "สมทบ" ในการเฉลิมฉลอง เต้เริ่มด้วยการดูดเลียทำความสะอาดร่างกายของคินและเจตที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำว่าวอย่างอ่อนโยนและชำนาญ ลิ้นของเต้ไล่เลียไปตามลำควยของคินที่ยังคงแข็งขืนและชุ่มไปด้วยน้ำว่าวของเจต เป็นการแสดงความเคารพต่อ "การต่อสู้" ของทั้งสอง นนท์และพายุก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาเลียไล่ไปตามต้นขา หน้าท้อง และแผ่นหลังของคินและเจตอย่างไม่รังเกียจ
จากนั้น เซ็กส์กลุ่มที่แท้จริงจึงเริ่มต้นขึ้น มันไม่ใช่การช่วงชิง แต่เป็นการผสมผสานพลังงานของทุกคนเข้าด้วยกัน พวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างอิสระ ร่างกายทั้งห้าพันพัวกันในความมืดมิดของไซต์ก่อสร้าง เสียงเนื้อกระทบกันดังตับๆ เสียงครางต่ำ เสียงหอบหายใจดังระงมไปทั่วบริเวณ มันคือการเฉลิมฉลองที่ดิบเถื่อนและทรงพลัง การปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ภายใน
“ไอ้เจต มึงแม่งโคตรเงี่ยนเลยนี่หว่า” คินพูดพลางซอยควยเข้ารูตูดของเจตไม่ยั้ง แรงกระแทกของคินทำให้เจตตัวโยนไปมา “ชอบไหมล่ะโดนเย็ดแบบนี้”
“อ๊า... ชอบ... ชอบสิวะ... แรงอีกคิน! กระแทกเข้ามาเลย!” เจตครางลั่น ตัวสั่นสะท้านไปกับแรงเด้าของคิน รูทวารของเขาบีบรัดควยของคินแน่นราวกับจะกลืนกิน
เต้ที่กำลังอมควยให้นนท์อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “มึงดูมันดิไอ้นนท์ เหมือนหมาติดสัดเลย” เสียงของเต้พร่าเล็กน้อยขณะที่ปากของเขายังคงครอบคลุมควยของนนท์อยู่ ลิ้นของเต้ตวัดเลียปลายควยของนนท์อย่างชำนาญ
นนท์หัวเราะพลางซอยควยเข้าปากเต้ “พี่ก็เหมือนกันแหละน่า” นนท์กระแทกควยเข้าปากเต้เป็นจังหวะ เสียงดูดดังจ๊วบจ๊าบ เต้เงยหน้าขึ้นมามองนนท์ด้วยแววตาเย้ายวน ก่อนจะก้มลงไปดูดเลียควยของนนท์ต่อ
พายุเดินเข้ามาข้างหลังคิน ก่อนจะใช้ควยของเขาถูไถไปตามแผ่นหลังที่ชุ่มเหงื่อของคิน ควยของพายุเสียดสีกับผิวหนังของคินที่ร้อนผ่าว “คิน... กูขอมึงเย็ดบ้างได้ปะวะ”
คินหันมายิ้ม “จัดไปดิพี่... รูตูดผมยังว่าง” คินขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้พายุ พายุกดควยของเขาเข้าสู่รูก้นของคินอย่างช้าๆ คินครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน
เกมแห่งความเงี่ยนดำเนินไปอย่างดุเดือด พวกเขาสลับกันเย็ด สลับกันอมอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงซอยควยดังตับๆ ผสมกับเสียงครางกระเส่า เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ร่างกายของทั้งห้าพันพัวกันเป็นหนึ่งเดียวในความมืดมิดของไซต์ก่อสร้าง แต่ละคนต่างปลดปล่อยความปรารถนาและสัญชาตญาณดิบออกมาอย่างเต็มที่ มันคือการผสมผสานของความปรารถนาที่ไร้ขีดจำกัด
ในตอนท้ายของเกม ร่างกายของเจตเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง เขากระตุกเกร็งหลายครั้ง ปลดปล่อยน้ำว่าวจำนวนมากพุ่งออกมาจากปลายควยที่แข็งขืน น้ำว่าวสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเปื้อนไปทั่วหน้าท้องและต้นขาของเขา แต่ครั้งนี้ มันไม่ใช่การปลดปล่อยอย่างโดดเดี่ยว คิน เต้ นนท์ และพายุ พร้อมใจกันชักควยของตัวเองแล้วสาดน้ำเงี่ยนเข้าใส่เจตพร้อมกันราวกับห่าฝน น้ำว่าวสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดจากปลายควยของแต่ละคน สาดรดร่างของเจตจนชุ่มโชก มันคือการยอมรับเข้าสู่กลุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ มันคือมงกุฎน้ำว่าวที่สาดรดราชาองค์ใหม่ ผู้ซึ่งได้ค้นพบอิสรภาพที่แท้จริง
หลังจากเสร็จสิ้น “พิธีกรรม” อันศักดิ์สิทธิ์และดิบเถื่อน ทั้งห้าคนนอนหอบหายใจอยู่บนกองเศษผ้าใบเก่าๆ ที่ปูรองไว้บนพื้นปูนเย็นๆ ร่างกายของพวกเขาเปลือยเปล่า ชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำว่าวที่แห้งกรัง มองดูดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับผ่านช่องว่างของโครงสร้างเหล็ก เต้หันไปมองทุกคน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความพึงพอใจ “ตอนนี้เรามีครบแล้ว... คิน คือร่างกาย คือความสง่างามที่เคลื่อนไหวอย่างมีศิลปะ, กู คือสายตา คือผู้มองเห็นและผู้บันทึก, นนท์ คือท้องฟ้า คือผู้ที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน... และมึง เจต... มึงคือคมดาบ คือพลังดิบที่ไร้การควบคุม แต่บัดนี้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด... พวกเราคือสี่ราชา”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ถ่ายภาพเงาของสี่คนยืนอยู่บนโครงเหล็กที่สูงตระหง่าน โดยมีพายุยืนอยู่ข้างๆ เป็นเงาที่คอยสนับสนุน และโพสต์ลงในแอคเคานต์หลัก @TheApertureClub พร้อมแคปชั่นที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมาย: "สี่ราชา (Four Kings)"
วินาทีที่กดโพสต์...มันคือการประกาศอย่างเป็นทางการว่า The Aperture Club ได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่แห่งความสมบูรณ์แบบแล้ว ด้วยการรวมตัวของ สี่ราชา ผู้กล้าหาญและไร้ขีดจำกัด พวกเขาพร้อมแล้วที่จะพิชิตโลกที่ใหญ่กว่าและอันตรายกว่าเดิม โลกที่รอคอยให้พวกเขาออกไปสำรวจและปลดปล่อยอิสรภาพที่แท้จริง