หลังจากค่ำคืนอันตื่นเต้นที่ไซต์ก่อสร้างร้าง ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนก็ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ นนท์ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาไม่ใช่แค่เพื่อนที่อยากรู้อยากเห็น แต่เป็น "มันสมอง" และ "ดวงตา" ที่ขาดไม่ได้ของทีม ความสามารถในการควบคุมโดรนและไหวพริบในการเอาตัวรอดของเขา ทำให้เต้และคินยอมรับในตัวเขาอย่างหมดใจ แต่การยอมรับนั้นยังคงเป็นเพียงในแง่ของ "ผลงาน" เท่านั้น "พิธีกรรม" ที่แท้จริงที่จำผนึกพวกเขาทั้งสามให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์...ยังคงรออยู่เบื้องหน้า
วันรุ่งขึ้น ที่ห้องของเต้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและเสียงหัวเราะที่สดใสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พวกเขานั่งดูฟุตเทจจากโดรนของนนท์ซ้ำไปซ้ำมาบนแท็บเล็ต ภาพมุมสูงที่เห็นคินเคลื่อนไหวร่างกายไปตามโครงเหล็กอย่างสง่างามโดยมีเต้คอยบันทึกภาพอยู่เบื้องล่าง มันคือผลงานชิ้นเอกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกันสามคนเป็นครั้งแรก และเป็นหลักฐานยืนยันถึงความสามารถของนนท์
“แม่งเอ๊ย... พอดูกี่ทีก็ยังโคตรเท่เลยว่ะ” นนท์พูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย ความภาคภูมิใจแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของเขา เขารู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของภาพที่น่าทึ่งนี้
“เพราะมึงนั่นแหละไอ้นนท์” คินตบไหล่เพื่อนเบาๆ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ถ้าไม่ได้มึง ป่านนี้พวกกูคงโดนยามลากคอไปโรงพักแล้ว ไม่ได้มีผลงานชิ้นโบว์แดงแบบนี้หรอก”
เต้ที่นั่งเงียบๆ มองเพื่อนทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “นายพิสูจน์ฝีมือแล้วนนท์... แต่มันยังเหลือบททดสอบสุดท้าย”
นนท์หันมามองเต้ด้วยความสงสัย “บททดสอบอะไรอีกวะ? ก็นึกว่าผ่านแล้ว” คิ้วของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย
เต้ลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินไปหยิบกล้อง DSLR ตัวโปรดของเขาขึ้นมาถือไว้ในมือ กล้องตัวนั้นดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขา “The Aperture Club มันไม่ใช่แค่การถ่ายรูปแก้ผ้าในที่เสี่ยงๆ... แต่มันคือการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา การยอมรับในความปรารถนาที่ดิบที่สุดของตัวเองโดยไม่มีอะไรปิดกั้น” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของนนท์ ดวงตาของเต้เปล่งประกายด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง “บททดสอบสุดท้าย... คือการที่นายต้องทิ้งความกลัวและความอายทั้งหมด แล้วแสดง ‘ตัวตน’ ที่แท้จริงของนายออกมาให้พวกเราเห็น”
เต้ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ “คืนนี้... ที่เดิม ไซต์ก่อสร้างร้าง... แต่ครั้งนี้จะไม่มีภารกิจ ไม่มีกล้อง... มีแค่พวกเราสามคน” คำพูดของเต้ทำให้หัวใจของนนท์เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
กลางดึกคืนนั้น ณ ไซต์ก่อสร้างร้างที่เดิม บรรยากาศดิบเถื่อนของโครงเหล็กและปูนเปลือยใต้แสงจันทร์ยังคงเหมือนเดิม ลมเย็นๆ ยามค่ำคืนพัดพากลิ่นฝุ่นและสนิมเข้ามาปะทะร่างกาย แต่ความรู้สึกของทั้งสามคนกลับแตกต่างออกไป มันไม่ใช่ความตื่นเต้นจากการลักลอบทำภารกิจ แต่เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากความคาดหวังของ "พิธีกรรม" ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นพิธีกรรมที่จะผูกมัดพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
พวกเขาเดินขึ้นไปบนชั้นที่สูงที่สุดของโครงสร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ลมเย็นๆ ยามค่ำคืนพัดมาปะทะร่างกาย ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงความเงียบที่โรยตัวอยู่รอบๆ และเสียงหัวใจของนนท์ที่เต้นดังตึกตัก
“ถอดเสื้อผ้าออกสิ” เต้เป็นคนเริ่มทำลายความเงียบ เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มันคือคำสั่งที่นนท์รู้ดีว่าต้องทำตาม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาอย่างแท้จริง
ทั้งสามคนค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด เสื้อยืด กางเกง ถุงเท้า ทุกชิ้นถูกทิ้งลงบนพื้นปูนอย่างไม่ไยดี ร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเขายืนอยู่ท่ามกลางซากก่อสร้างใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา นนท์รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เขาพยายามกอดอกเพื่อปิดบังร่างกายของตัวเอง แต่ก็ไร้ประโยชน์ ความแข็งขืนที่กำลังผงาดของเขามันทรยศต่อความอาย
คินเดินเข้าไปหานนท์ แสงจันทร์ตกกระทบกับผิวกายที่เปลือยเปล่าของคินทำให้เห็นกล้ามเนื้อที่คมชัดและเงาที่ทอดตัวยาวน่าค้นหา เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้มือจับแขนของนนท์ที่กอดอกอยู่ออกช้าๆ อย่างอ่อนโยน เป็นการสื่อสารว่า "ไม่ต้องปิดบัง" จากนั้นคินก็เริ่มจูบนนท์ มันไม่ใช่จูบที่ร้อนแรง แต่เป็นจูบที่อ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป ริมฝีปากของคินประทับลงบนริมฝีปากของนนท์อย่างแผ่วเบา สื่อถึงความเข้าใจและยอมรับ เพื่อทำลายกำแพงในใจของนนท์ ให้เขากล้าปลดปล่อยตัวเอง
เต้เดินเข้ามาสมทบจากด้านหลัง เขากอดนนท์ไว้หลวมๆ มือของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของนนท์อย่างแผ่วเบา สร้างความรู้สึกปลอดภัยและความอบอุ่นขึ้นมาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ลมหายใจอุ่นๆ ของเต้รดรินอยู่ข้างหูของนนท์
“ปล่อยตัวตามสบายนะนนท์...” เต้กระซิบข้างหู น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาและเชิญชวน “ที่นี่ไม่มีใครตัดสินนาย... มีแค่พวกเรา ที่จะยอมรับในทุกตัวตนของนาย”
นนท์ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ร่างกายที่เคยเกร็งเริ่มอ่อนยวบ เขาตอบรับจูบของคินอย่างดูดดื่มขึ้น ลิ้นร้อนของคินสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเขาอย่างชำนาญ ดูดดึงริมฝีปากของนนท์อย่างหิวกระหาย ขณะที่มือของเต้ก็เริ่มลูบไล้ต่ำลงมายังบั้นท้ายของนนท์ บีบเคล้นเบาๆ อย่างหยอกล้อ นิ้วเรียวของเต้ลูบไล้ไปตามร่องก้นของนนท์อย่างช้าๆ ก่อนจะกดลงไปเบาๆ เป็นการกระตุ้น
พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ คินและเต้ทำหน้าที่เหมือน "ผู้ประกอบพิธี" พวกเขาไม่ได้รุมกระทำนนท์ แต่ค่อยๆ นำทางให้นนท์ได้สำรวจและปลดปล่อยความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเองออกมาอย่างแท้จริง
คินผละจูบออกแล้วคุกเข่าลงต่อหน้านนท์ เขาเงยหน้าขึ้นมองนนท์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปตามลำควยของนนท์ที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมาจากความตื่นเต้นและถูกกระตุ้น ปลายลิ้นร้อนของคินตวัดเลียรอบๆ ปลายควยของนนท์อย่างยั่วยวน นนท์สะดุ้งเฮือก เขายังไม่เคยถูกกระทำแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปทั่วร่างทำให้เขายืนนิ่งยอมให้คินปรนเปรอได้อย่างว่าง่าย
เต้ที่อยู่ด้านหลังก็คุกเข่าลงเช่นกัน เขาใช้ลิ้นร้อนไล่เลียไปตามร่องก้นของนนท์อย่างช้าๆ นิ้วเรียวของเขาบีบเคล้นบั้นท้ายของนนท์ ก่อนจะใช้ลิ้นแทงเข้าไปในรูก้นของนนท์เบาๆ นนท์ครางออกมาเสียงหลง “อ๊า...!” ความรู้สึกที่ถูกปรนเปรอทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันมันรุนแรงจนแทบคลั่ง ร่างกายของนนท์สั่นสะท้านไปด้วยความสุขสมที่จู่โจมเข้ามาไม่ทันตั้งตัว
“รู้สึกดีไหมนนท์?” คินถามพลางดูดดึงปลายควยของนนท์เข้าปาก เสียงดูดดังจ๊วบจ๊าบในความเงียบงัน เสียงครางของนนท์ดังลอดออกมาจากลำคอของคินที่กำลังครอบคลุมควยของนนท์อยู่
“ดะ...ดี...ดีมาก” นนท์ตอบเสียงสั่น เขาทิ้งความอายทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงความเงี่ยนที่ครอบงำร่างกาย ความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในได้ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง
เมื่อนนท์พร้อมแล้ว เต้ก็ดันนนท์ให้นอนลงบนกองผ้าใบเก่าๆ ที่พวกเขาเตรียมมาเพื่อให้ร่างกายเปลือยเปล่าของนนท์ได้สัมผัสกับความอ่อนนุ่ม คินขึ้นคร่อมนนท์ ในขณะที่เต้ก็เข้ามาประกบจากด้านหลัง
“คืนนี้... มึงคือของพวกกูนะนนท์” คินกระซิบเสียงพร่าข้างหูของนนท์ ก่อนจะกดควยของเขาเข้าไปในปากของนนท์อย่างรุนแรงและลึกซึ้ง นนท์อ้าปากรับอย่างเต็มใจ ดูดดึงลำควยของคินอย่างหิวกระหาย ลิ้นของนนท์ตวัดเลียไปตามลำควยของคินอย่างชำนาญ
เต้ไม่รอช้า เขาจับควยของตัวเองที่แข็งเป็นลำแล้วแทงเข้าไปในรูก้นของนนท์ที่เปิดรออยู่จากการถูกกระตุ้นเมื่อครู่ “อ๊าาาา!” นนท์ร้องลั่นเมื่อถูกเย็ดทั้งปากและตูดพร้อมกัน รูทวารของนนท์ถูกฉีกขยายออกรับขนาดของควยเต้ มันคือความสุขสมที่เจือปนด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย แต่มันคือการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัส โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและอิสระที่แท้จริง
คินกับเต้เริ่มซอยควยเข้าออกอย่างพร้อมเพรียงกัน แรงกระแทกของคินทำให้ควยของเขาชนเข้ากับลำคอของนนท์เป็นจังหวะ ส่วนแรงกระแทกของเต้ก็ทำให้บั้นท้ายของนนท์ลอยขึ้นลงตามแรงกระแทกของเขา ร่างกายของนนท์สั่นสะท้านไปกับแรงกระแทกจากทั้งสองทิศทาง เสียงเนื้อกระทบกันดังตับๆ ผสมกับเสียงครางที่ไม่เป็นศัพท์ของนนท์ และเสียงหอบหายใจของคินกับเต้ มันคือบทเพลงแห่งการต้อนรับที่ดิบเถื่อนและเร่าร้อนที่สุด
“มองหน้ากูสินนท์” เต้สั่งเสียงห้าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา นนท์พยายามหันหน้าไปมองเต้ที่กำลังเด้าเขาอย่างเมามันส์ ใบหน้าของเต้บิดเบี้ยวด้วยความสุขสม “จำความรู้สึกนี้ไว้... นี่คือตัวตนที่แท้จริงของมึง”
พวกเขาเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆ ให้นนท์ได้เป็นทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้และยอมรับในทุกบทบาทของความปรารถนา ทั้งสามคนผลัดกันเย็ด ผลัดกันอมควยอย่างอิสระ ไม่มีใครควบคุมใคร มีเพียงความต้องการที่นำพาไปสู่ความสุขสมร่วมกัน ในตอนท้าย ทั้งสามคนปลดปล่อยน้ำว่าวออกมาพร้อมกันบนร่างกายของกันและกัน น้ำว่าวสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างที่ชุ่มเหงื่อ เป็นการผนึกพันธสัญญาด้วยความสุขสมที่ไร้ขีดจำกัด
ทั้งสามคนนอนกอดกันอยู่บนกองผ้าใบ หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำเงี่ยน นนท์ไม่ได้รู้สึกอับอายอีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ยอมรับในตัวตนของเขาอย่างแท้จริง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความปิติยินดี
“ยินดีต้อนรับสู่ The Aperture Club... อย่างเป็นทางการ” เต้พูดขึ้นเบาๆ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
นนท์ยิ้มกว้างที่สุดในชีวิต “ขอบคุณพวกมึงมาก”
นี่ไม่ใช่แค่เซ็กส์... แต่มันคือพิธีกรรมที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล และตอนนี้... The Aperture Club ก็มีสมาชิกที่สมบูรณ์สามคน พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเกมที่ใหญ่กว่าเดิม เกมที่พวกเขาจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและไร้ขีดจำกัด